“นี่คุณไม่ได้พูดจริงใช่ไหม?” เอมม่าถามด้วยความตกใจสุดขีดเช่นเดียวกับฉันหัวใจของฉันเต้นแรงมาก ความตื่นตระหนกเข้าครอบงำฉัน ทำให้ฉันหายใจลำบาก ถ้าฉันคิดว่าการลักพาตัวพวกเราของรอนนี่หรือผู้เพรียกหาความตาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม นั่นเลวร้ายแล้ว ฉันคิดผิด เพราะสิ่งที่เขาวางแผนไว้แย่กว่านั้นมาก“โอ้ จริงแน่นอน พ่อของคุณไม่ควรยุ่งกับผม เช่นเดียวกับโรแวน ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว” รอนนี่ยิ้มร้ายจนฉันขนลุกเขาโทรหาโรแวนต่อหน้าเราและบอกให้เขาเลือก ฉันยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าแผนของเขาคือให้มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะเดินออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยฉันรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบดขยี้ฉัน ความกลัวกำลังทำลายล้างฉัน และฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างชัดเจน ฉันแน่ใจว่าใบหน้าของฉันต้องบวมจากไอ้สารเลวที่ตบฉัน และริมฝีปากของฉันก็แตก ฉันเลือกที่จะจดจ่อกับความเจ็บปวดนั้นแทนที่จะคิดถึงหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา“คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอเอวา?” รอนนี่ถามด้วยรอยยิ้มเย็นชาฉันเบือนสายตาไป ฉันคิดอะไรไม่ออก นับประสาอะไรกับการพูดอะไร นี่เป็นครั้งที่ห้าที่ฉันต้องเผชิญกับความตาย ด้วยความรู้สึกที่ไร้สติของรอนนี่ ฉันกล
“ฉันไม่เชื่อเลยว่าเธอเพิ่งจะพูดแบบนั้นเกี่ยวกับคุณพ่อ!”“โชคดีที่ฉันไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง” ฉันตวาดเธออยู่เงียบ ๆ และปล่อยให้ฉันใช้สมาธิไม่ได้หรือไง? ทุกวินาทีที่ผ่านไปโดยที่ฉันยังไม่เป็นอิสระ ความวิตกกังวลของฉันก็เพิ่มมากขึ้นเธอจ้องมาที่ฉันแต่ก็เงียบไว้ ฉันโล่งใจ ตอนนี้ฉันสามารถจดจ่อกับการแก้มือให้เป็นอิสระได้แล้ว ถ้าฉันทำได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น ฉันหวังว่าอย่างนั้นฉันไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเมื่อฉันยอมแพ้ มือของฉันสั่น ข้อมือของฉันร้อนผ่าว และฉันรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังไหลออกมา ราวกับว่ายิ่งฉันพยายามเท่าไร เชือกก็ยิ่งบาดลึกลงไปในผิวหนังของฉันมากขึ้นเท่านั้นฉันถอนหายใจแรง ๆ ฉันเกลียดที่จะทำแบบนี้ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ณ จุดนี้ ฉันต้องเลือกระหว่างทางนั้นหรือเสี่ยงที่จะเป็นคนถูกฆ่า“ฉันมีแผนที่อาจจะได้ผล” ฉันหันไปหาเอมม่าและบอกเธออย่างไม่เต็มใจ มันรู้สึกเหมือนมันเป็นการกระทบต่ออัตตาของฉัน แต่เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในตอนนี้ ก็ช่างทิฐิฉันเถอะ“ทีนี้อยากได้ความช่วยเหลือจากฉันขึ้นมาแล้วเหรอ? เธอเพิ่งบอกฉันว่าฉันควรหุบปาก และว่าเธอไม่ได้สนใจว่าฉันจะคิดยังไงไม่ใช่เหรอ?” เ
ฉันออกไปสำรวจสถานที่นั้น เราอยู่ในลานขยะ ฉันยิ้มให้กับโชคของเรา นั่นหมายความว่ามีสถานที่มากมายให้ซ่อนตัวจากผู้เพรียกหาความตายและลูกน้องของเขา“เราต้องหาทางออก ฉันเชื่อว่าหลังจากนั้นทุกอย่างจะง่ายขึ้น” ฉันบอกเอมม่าขณะที่เราเริ่มเคลื่อนตัวเธอพยักหน้าเห็นด้วยและเดินเคียงข้างฉัน เราระมัดระวังในขณะที่มองหาทางออกโดยซ่อนตัวและระวังว่าเราไม่ได้เดินออกไปในที่โล่ง“ทางออกอยู่ที่ไหนเนี่ย?” เอมม่าหงุดหงิดอย่างชัดเจนเราเดินมาได้ไม่กี่นาที แม้ว่าจะไม่เจอคนร้ายเลยก็ตาม แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้“บางทีเราควรจะพักสักหน่อย” ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อย ใบหน้าของฉันเจ็บ มือและเท้าของฉันก็เจ็บไปด้วยความคิดนั้นหายไปทันทีเมื่อเราได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังลั่นไปทั่วลานหัวใจฉันเต้นแรง บ้าจริง นี่มันแย่จริง ๆ ฉันแน่ใจว่าพวกเขาคงรู้แล้วว่าเราหนีออกมาได้“ไป ไป ไป” ฉันยืนกรานขณะดึงเอมม่าไปข้างหน้า เธอมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดราวกับว่าเธอเพิ่งเห็นชีวิตของตัวเองฉายแวบผ่านหน้าไปเรารีบเร่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทาง เราไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน เรารู้เพียงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะถูกจับไม่ได้ฉันคอยมองไปข้างหลังเพื
“บ้าเอ๊ย เจ็บชะมัด” เอมม่าร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้ฉันฟื้นจากอาการตกใจทันเวลาที่เห็นชายคนนั้นยกปืนขึ้นฉันรีบคว้าปืนที่ฉันทำตกแล้วยิงทันที เขาล้มลงกับพื้น ฉันลุกขึ้นและรีบวิ่งไปหาเอมม่าที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นฉันไม่แม้แต่จะตรวจสอบว่าชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ตอนนี้มันไม่สำคัญสำหรับฉันเลย ไม่สำคัญเมื่อฉันถูกกระตุ้นด้วยอะดรีนาลีนและเอมม่ากำลังเลือดออกบนพื้น“ฉันกำลังจะตายใช่ไหม?” เธอถามน้ำตาคลอเบ้าฉันจะบอกเธอให้หยุดร้องไห้ก็ได้ แต่ฉันไม่ทำ ไม่ใช่เมื่อเธอเป็นคนผลักฉันและรับกระสุนแทนฉัน“ไม่หรอก” ฉันตอบขณะตรวจดูเธอเธอถูกยิงที่ไหล่และมีเลือดออกมาก ฉันกังวล อันดับแรกเธออาจเสียเลือดจนตาย และอันดับสองเรายังอยู่ในที่อันตราย ต้องมีใครสักคนมาพบเราในที่สุด“โกหก!” เธอขู่เมื่อฉันกดแผลเธอเพื่อหยุดเลือด “ถ้าฉันจะไม่ตาย แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกำลังจะตายล่ะ?”ฉันไม่ตอบ และเลือกที่จะพยายามหยุดเลือดแทน ในฐานะครู เราจำเป็นต้องรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น กระสุนยังฝังอยู่ข้างใน ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถเอามันออกมาได้ ยิ่งเมื่อฉันไม่รู้ขอบเขตของความเสียหาย แทนที่จะทำอย่างนั้น ฉั
หัวใจของฉันเริ่มเต้นผิดจังหวะและความกลัวก็เริ่มเข้ามาแทนที่ฉันเขย่าตัวเธอและพลิกตัวเธอ ฉันรับเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น ฉันพลิกตัวเธอเพื่อให้เธอนอนบนตักของฉัน ฉันกระซิบชื่อเธออีกครั้ง แต่เธอยังคงไม่ตอบสนองด้วยมือที่สั่นเทาและความกลัว ฉันตรวจชีพจรของเธอ กลัวว่าจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อรู้สึกถึงมัน มันอ่อนแรงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหากไม่พบชีพจรเธอน้ำตาฉันเริ่มคลอเบ้า เราติดอยู่ที่นี่ เอมม่าเลือดออกและอ่อนแรง ฉันเหนื่อยและปวดเมื่อย และเราอยู่ตรงกลางค่ายของศัตรูพอดีฉันไม่ได้หยุดน้ำตาตัวเองเมื่อพวกมันเริ่มไหล ฉันแค่เบื่อหน่าย ทำไมเรื่องทั้งหมดนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับฉันตอนนี้? ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากความสงบสุข แต่ฉันก็ไม่ได้รับสิ่งนั้น ฉันเกลียดสิ่งนี้ เกลียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันจับชีพจรของเอมม่าต่อเพื่อให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ เราคงไม่มีวันสนิทกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการให้เธอตาย“ดูสิว่าฉันเจอใคร” เสียงที่โหดร้ายพูดขึ้น “เหนื่อยกับการวิ่งหนีแล้วเหรอ? หรือว่าเพื่อนของเธอตายไปแล้ว?”ฉันเ
โรแวนผมไม่สามารถอธิบายความกลัวที่ผมรู้สึกได้เมื่อเห็นไอ้สารเลวนั้นจ่อปืนที่หัวของเธอ เธอกำลังสั่นและน้ำตาไหลอาบแก้ม ผมได้ยินเธออ้อนวอนขอให้เขาปล่อยเธอไป แต่ผมรู้ว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้นเมื่อเธอหลับตาลง ราวกับยอมรับชะตากรรมของเธอ มันเกือบทำให้ผมต้องทรุดเข่าลง ถ้าไม่ใช่เพราะผมรู้ว่าเธอเหนื่อย ผมคงปล่อยผู้ชายคนนั้นไปเพื่อที่ผมจะได้มอบการทรมานในแบบฉบับของผมเองให้กับเขาทีหลัง“เธอต้องการหมอ โรแวน” เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาในขณะที่ผมคุกเข่าลงต่อหน้าเธอผมได้ส่งข้อความหาเกเบรียลแล้ว รถพยาบาลจะมาถึงในไม่กี่นาที ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจเอมม่า ผมสน แต่ผมแค่สนใจเอวามากกว่าผมจับใบหน้าของเธอเบา ๆ แก้มของเธอบวม และตาของเธอก็บวมเช่นกัน แก้มของเธอช้ำ และริมฝีปากของเธอแตกสีหน้าของผมแข็งกร้าวขึ้นเมื่อนึกถึงว่ามีคนทำร้ายเธอ“ใครตบคุณ? รอนนี่เหรอ?” ผมกัดฟันถามเธอเบ้หน้าเมื่อผมลูบแก้มที่ช้ำของเธอ บ้าเอ๊ย! ความเจ็บปวดของเธอทำให้หัวใจผมเต้นแรง ผมอยากจะฆ่าไอ้สารเลวที่ทำร้ายเธอมากกว่าเดิม“ไม่สำคัญหรอก... เราต้องพาเอมม่าไปโรงพยาบาล” เธอกล่าวขณะเริ่มยืนขึ้นผมดันเธอลงเบา ๆ และตรวจดูเธอต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งที่
“ได้โปรด” เธอตอบพร้อมมองมาที่ผมอย่างเหนื่อยล้าผมก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมา กอดเธอแนบชิดหน้าอกแล้วเริ่มเดิน“ฉันหมายถึง ฉันต้องการความช่วยเหลือในการยืนขึ้น ไม่ใช่ให้อุ้ม” ข้อโต้แย้งของเธอขาดความกระตือรือร้นตามปกติของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าเธอเหนื่อยล้าแค่ไหนผมไม่ตอบ แค่ดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้น การที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผมแบบนี้ มันรู้สึกถูกต้อง เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลกำลังเข้าที่เข้าทาง หากผมสามารถอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ นั่นก็เป็นชะตากรรมที่ผมยินดีที่จะรับขณะที่ผมเดินไปที่รถกับเธอ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ผมไม่เคยยอมให้ตัวเองอยู่ใกล้เธอขนาดนี้มาก่อน กอดเธอหรือจูบเธอ ผมมักจะซ่อนส่วนหนึ่งของตัวเองจากเธอเสมอ ดังนั้นมันจึงทำให้ผมสงสัยว่าถ้าเมื่อก่อนผมยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มันจะรู้สึกแบบนี้ไหม? เหมือนกับว่าเธอคือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของจิตวิญญาณของผมผมกำลังจะถึงรถเมื่อไบรอันหยุดผม“มีอะไร?” ผมขู่เขา เขาไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังอุ้มของมีค่าอยู่?“เราสามารถจับพวกผู้เพรียกหาความตายได้เกือบหมด แต่ตัวผู้เพรียกหาความตายเองหนีไปได้” เขากล่าวเพื่อแจ้งข่าวร้ายมันทำให้ผมอยากจะทำร้ายใครสักคน ความจริง
ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการเธอจริง ๆ แต่ด้วยการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก ไม่มีใครต้องเตือนผมว่าความรักที่ผมเคยเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยอมทนผมเพื่อโนอาเท่านั้น“คุณวูดส์” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อมีคนเรียกชื่อผมผมเงยหน้าขึ้นและพบพยาบาลคนเดิมมองมาที่ผม“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ผมหวังกับคำตอบไว่มาก“เธอปลอดภัยดี ทารกก็เช่นกัน... แต่เราต้องเฝ้าเธอสักสองสามชั่วโมง เพราะเธอขาดน้ำตอนที่มาถึงค่ะ”ผมได้ยินเสียงตกใจดังมาจากด้านหลัง บ้าจริง! เคทไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเอวา แต่ตอนนี้เธอได้รับการยืนยันแล้ว ผมไม่สนใจเธอและมุ่งความสนใจไปที่พยาบาล“ผมขอพบเธอได้ไหม?”เธอพยักหน้าและโบกมือเรียกให้ผมตามไป เราไปถึงห้องหนึ่ง เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป เมื่อผมเข้าไปแล้ว เธอก็ออกไปและปิดประตูเอวากำลังรับน้ำเกลือ ข้อมือของเธอถูกพันผ้าไว้ ร่างกายของเธอถูกปกปิดจากเอวลงไป และแผลที่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเย็บปิดแล้ว“เอมม่าเป็นยังไงบ้าง?” เป็นสิ่งแรกที่เธอถามผมผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้าจริง ๆ“เรายังไม่ได้ยินอะไรจากแพทย์เลย แต่ผมแน่ใจว่าเธอ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร