หัวใจของฉันเริ่มเต้นผิดจังหวะและความกลัวก็เริ่มเข้ามาแทนที่ฉันเขย่าตัวเธอและพลิกตัวเธอ ฉันรับเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้น ฉันพลิกตัวเธอเพื่อให้เธอนอนบนตักของฉัน ฉันกระซิบชื่อเธออีกครั้ง แต่เธอยังคงไม่ตอบสนองด้วยมือที่สั่นเทาและความกลัว ฉันตรวจชีพจรของเธอ กลัวว่าจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อรู้สึกถึงมัน มันอ่อนแรงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังอยู่ ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรหากไม่พบชีพจรเธอน้ำตาฉันเริ่มคลอเบ้า เราติดอยู่ที่นี่ เอมม่าเลือดออกและอ่อนแรง ฉันเหนื่อยและปวดเมื่อย และเราอยู่ตรงกลางค่ายของศัตรูพอดีฉันไม่ได้หยุดน้ำตาตัวเองเมื่อพวกมันเริ่มไหล ฉันแค่เบื่อหน่าย ทำไมเรื่องทั้งหมดนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับฉันตอนนี้? ฉันไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากความสงบสุข แต่ฉันก็ไม่ได้รับสิ่งนั้น ฉันเกลียดสิ่งนี้ เกลียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันจับชีพจรของเอมม่าต่อเพื่อให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ เราคงไม่มีวันสนิทกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการให้เธอตาย“ดูสิว่าฉันเจอใคร” เสียงที่โหดร้ายพูดขึ้น “เหนื่อยกับการวิ่งหนีแล้วเหรอ? หรือว่าเพื่อนของเธอตายไปแล้ว?”ฉันเ
โรแวนผมไม่สามารถอธิบายความกลัวที่ผมรู้สึกได้เมื่อเห็นไอ้สารเลวนั้นจ่อปืนที่หัวของเธอ เธอกำลังสั่นและน้ำตาไหลอาบแก้ม ผมได้ยินเธออ้อนวอนขอให้เขาปล่อยเธอไป แต่ผมรู้ว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้นเมื่อเธอหลับตาลง ราวกับยอมรับชะตากรรมของเธอ มันเกือบทำให้ผมต้องทรุดเข่าลง ถ้าไม่ใช่เพราะผมรู้ว่าเธอเหนื่อย ผมคงปล่อยผู้ชายคนนั้นไปเพื่อที่ผมจะได้มอบการทรมานในแบบฉบับของผมเองให้กับเขาทีหลัง“เธอต้องการหมอ โรแวน” เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาในขณะที่ผมคุกเข่าลงต่อหน้าเธอผมได้ส่งข้อความหาเกเบรียลแล้ว รถพยาบาลจะมาถึงในไม่กี่นาที ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจเอมม่า ผมสน แต่ผมแค่สนใจเอวามากกว่าผมจับใบหน้าของเธอเบา ๆ แก้มของเธอบวม และตาของเธอก็บวมเช่นกัน แก้มของเธอช้ำ และริมฝีปากของเธอแตกสีหน้าของผมแข็งกร้าวขึ้นเมื่อนึกถึงว่ามีคนทำร้ายเธอ“ใครตบคุณ? รอนนี่เหรอ?” ผมกัดฟันถามเธอเบ้หน้าเมื่อผมลูบแก้มที่ช้ำของเธอ บ้าเอ๊ย! ความเจ็บปวดของเธอทำให้หัวใจผมเต้นแรง ผมอยากจะฆ่าไอ้สารเลวที่ทำร้ายเธอมากกว่าเดิม“ไม่สำคัญหรอก... เราต้องพาเอมม่าไปโรงพยาบาล” เธอกล่าวขณะเริ่มยืนขึ้นผมดันเธอลงเบา ๆ และตรวจดูเธอต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งที่
“ได้โปรด” เธอตอบพร้อมมองมาที่ผมอย่างเหนื่อยล้าผมก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมา กอดเธอแนบชิดหน้าอกแล้วเริ่มเดิน“ฉันหมายถึง ฉันต้องการความช่วยเหลือในการยืนขึ้น ไม่ใช่ให้อุ้ม” ข้อโต้แย้งของเธอขาดความกระตือรือร้นตามปกติของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าเธอเหนื่อยล้าแค่ไหนผมไม่ตอบ แค่ดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้น การที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผมแบบนี้ มันรู้สึกถูกต้อง เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลกำลังเข้าที่เข้าทาง หากผมสามารถอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ นั่นก็เป็นชะตากรรมที่ผมยินดีที่จะรับขณะที่ผมเดินไปที่รถกับเธอ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ผมไม่เคยยอมให้ตัวเองอยู่ใกล้เธอขนาดนี้มาก่อน กอดเธอหรือจูบเธอ ผมมักจะซ่อนส่วนหนึ่งของตัวเองจากเธอเสมอ ดังนั้นมันจึงทำให้ผมสงสัยว่าถ้าเมื่อก่อนผมยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มันจะรู้สึกแบบนี้ไหม? เหมือนกับว่าเธอคือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของจิตวิญญาณของผมผมกำลังจะถึงรถเมื่อไบรอันหยุดผม“มีอะไร?” ผมขู่เขา เขาไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังอุ้มของมีค่าอยู่?“เราสามารถจับพวกผู้เพรียกหาความตายได้เกือบหมด แต่ตัวผู้เพรียกหาความตายเองหนีไปได้” เขากล่าวเพื่อแจ้งข่าวร้ายมันทำให้ผมอยากจะทำร้ายใครสักคน ความจริง
ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการเธอจริง ๆ แต่ด้วยการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก ไม่มีใครต้องเตือนผมว่าความรักที่ผมเคยเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยอมทนผมเพื่อโนอาเท่านั้น“คุณวูดส์” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อมีคนเรียกชื่อผมผมเงยหน้าขึ้นและพบพยาบาลคนเดิมมองมาที่ผม“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ผมหวังกับคำตอบไว่มาก“เธอปลอดภัยดี ทารกก็เช่นกัน... แต่เราต้องเฝ้าเธอสักสองสามชั่วโมง เพราะเธอขาดน้ำตอนที่มาถึงค่ะ”ผมได้ยินเสียงตกใจดังมาจากด้านหลัง บ้าจริง! เคทไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเอวา แต่ตอนนี้เธอได้รับการยืนยันแล้ว ผมไม่สนใจเธอและมุ่งความสนใจไปที่พยาบาล“ผมขอพบเธอได้ไหม?”เธอพยักหน้าและโบกมือเรียกให้ผมตามไป เราไปถึงห้องหนึ่ง เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป เมื่อผมเข้าไปแล้ว เธอก็ออกไปและปิดประตูเอวากำลังรับน้ำเกลือ ข้อมือของเธอถูกพันผ้าไว้ ร่างกายของเธอถูกปกปิดจากเอวลงไป และแผลที่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเย็บปิดแล้ว“เอมม่าเป็นยังไงบ้าง?” เป็นสิ่งแรกที่เธอถามผมผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้าจริง ๆ“เรายังไม่ได้ยินอะไรจากแพทย์เลย แต่ผมแน่ใจว่าเธอ
เอวา“อะไรนะ?” ฉันพูดตะกุกตะกักขณะที่มองโรแวนด้วยความตกใจสุดขีดฉันฟังเขาพูดไม่ชัด โรแวนที่ฉันรู้จักจะทำทุกอย่างเพื่อเอมม่า รวมถึงการเสียสละฉันด้วยหัวใจของฉันเต้นแรงเมื่อจ้องมองใบหน้าว่างเปล่าของเขา“คุณได้ยินถูกแล้วเอวา” เขาพูดซ้ำ ไม่มีร่องรอยของการโกหกในเสียงของเขา “ถ้ามันต้องเกิดขึ้นจริง ผมจะปล่อยให้เธอตายอย่างเต็มใจ ถ้ามันหมายถึงการช่วยชีวิตคุณ”ตอนแรกฉันคิดว่าเขาโกหกเพื่อที่ฉันจะไม่รู้สึกแย่ ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะชอบที่จะรู้ว่าผู้ชายที่เธอใช้เวลาร่วมเกือบสิบปีด้วยจะยินดีช่วยชีวิตผู้หญิงอีกคนล่ะฉันคิดว่าเขาพูดแบบนั้นเพียงเพื่อปกป้องความรู้สึกของฉัน แต่เมื่อมองสีหน้าของเขา ฉันก็รู้ว่าเขากำลังพูดความจริง สีหน้าและแววตาของเขาชัดเจนมาก นอกจากนี้ โรแวนเคยปกป้องความรู้สึกของฉันซะเมื่อไหร่? เขาไม่เคยกลัวที่จะบอกความจริง แล้วทำไมเขาถึงเริ่มโกหกตอนนี้?ฉันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลายมือออกจากมือเขา มันรู้สึกใกล้ชิดเกินไป ฉันมีความคิดมากมายเต้นระบำอยู่ในหัวอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องการมืออุ่น ๆ ของเขามาทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้แล้ว“คุณไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริง ๆ หรอก” ฉันบอกเขาหลังจากนั้นไม่น
เขาเอาส่วนไหนมาคิดว่าฉันจะหลงเชื่อเขา? เก้าปีที่ผ่านมา ทั้งโรแวนและทุกคนต่างก็บอกเสมอว่าฉันนั้นไร้ค่า ไร้ความหมายในชีวิตเขา จู่ ๆ เขาก็คิดจะกลับลำทุกอย่างและคิดให้ฉันเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?ฉันมีคำถามเต็มหัวไปหมด กลับหาคำตอบไม่ได้ คำถามเหล่านี้ชวนปวดหัวเกินไป ฉันเลยพยายามผลักพวกมันออกไป ไม่ว่าโรแวนคิดอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน เรื่องระหว่างเราสองจบลงไปแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะพยายามทำความเข้าใจตานั่นอีกความเหนื่อยล้าทำให้ฉันเผลอหลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าพ่อแม่อยู่ในห้องกับฉัน พวกเขาดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กันเลย มือของทั้งสองกุมมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ และในวินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกได้รับความรักมากกว่าครั้งไหน ๆ นี่คือสิ่งที่ฉันโหยหาจากโรแวนและคนตระกูลชาร์พ ในตอนนี้ฉันได้รับสิ่งที่โหยหาเสียที ความรู้สึกมากมายต่างเอ่อล้นออกมาฉันอาจส่งเสียงดังเกินไป พวกท่านจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“เอวา” แม่เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นไงบ้างลูก?”น้ำตาเอ่อล้นขึ้นในดวงตา ฉันกะพริบตาเพื่อกลั้นไว้ แต่ก็ไร้ผล“หนูรักพ่อกับแม่จังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นทุ
ผ่านมาแล้วสองวันนับตั้งแต่ที่เอมม่าและฉันถูกลักพาตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพยายามตามล่าตัวเจ้ารีเปอร์ ทว่าเขากลับหายเข้ากลีบแมฆไปอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถตามหาตัวเจอได้เพราะลูกน้องของมันที่ถูกจับมาไม่ยอมเปิดปากพูดสิ่งใดเลย ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากให้ตนเองตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเพราะเหตุผลบางประการที่ฉันไม่มีส่วนข้องเกี่ยวด้วยเลย “แม่ครับ ผมขอเล่นเกมได้ไหม?” โนอาเอ่ยถาม ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์มีสติกับงานในมือฉันทำงานบ้านจนเสร็จหมดทุกอย่างเพราะหวังว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ ขณะที่พูดอยู่ ก็กำลังพับเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดต่อดี“ได้จ้ะ แล้วหนุ่มน้อยกันเนอร์บอกว่าจะมากี่โมงนะ?”เด็กน้อยทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลา พวกเขาทำทุกสิ่งด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ตามมิตรภาพของเด็กน้อยช่างวิเศษซึ่งย้ำเตือนฉันถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรแวน เกเบรียล และทราวิส พวกเขาก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว“บ่ายสามมั้งครับ”“จ้ะ เดี๋ยวแม่เตรียมขนมเอาไว้ให้นะ”เด็กน้อยจูบแก้มฉัน “แม่น่ารักท
หลังจากที่ไม่ได้เจอกับคาลวินมาตั้งแต่คราวก่อน กันเนอร์มาแทบทุกวันและบางครั้งโนอาก็ไปที่บ้านพวกเขาด้วย แต่ฉันแทบไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับคาลวินเลย ดูเหมือนว่าเขาพยายามหลบหน้าฉันเพราะเหตุผลบางอย่างที่ฉันไม่รู้“เข้ามาไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเท้าสลับไปมา ดูท่าทางไม่มั่นใจ“ถ้าไม่รบกวน ก็ได้ครับ”ฉันหลบไปด้านข้างเพื่อให้เขาเข้ามา แม้ดูไม่มั่นใจในตอนแรก แต่เขาก็เดินพ้นธรณีประตูเข้ามาภายในบ้านในที่สุดฉันนำทางเขามายังห้องครัวพร้อมผายมือเชิญให้นั่งลง ฉันจึงเดินไปเตรียมขนมให้กับเด็กทั้งสอง“ผมรู้แล้วนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่อยากมาดูว่าคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ไม่ถึงกับเป็นข่าวไปทั้งเมืองหรอก แต่มีใครบางคนสังเกตเห็นและตั้งข้อสงสัย ในเย็นวันนั้นเอมม่าและฉันก็กลายเป็นข่าวดัง ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนในตระกูลโฮเวลล์ และฉันก็ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเพราะว่ายังไม่พร้อมรับสายตาทั้งมวลที่จะจับจ้องมายังตระกูลนี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าฉันยังเป็นคนของตระกูลชาร์พอยู่ และตอนนี้ทุกคนต่างคาดเดากันไปว่าทำไมลูกสาวตระกูลชาร์พทั้งสองคนถึงได้ถูกลักพาตัวไปได้“เอ่อ…ข
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร