แชร์

บทที่ 131

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ฉันยักไหล่ “แล้วแต่เธอจะคิด”

“แค่ฉันปริปาก โรแวนจะต้องเล่นงานเธอแน่… เรื่องนี้เราก็รู้กันดีนะเอวา เธอก็รู้ว่าฉันแค่บอกโรแวนว่าเธอหยาบคายกับฉันแล้วเขาก็จะมาระเบิดอารมณ์ใส่เธอทันที”

ก่อนหน้านี้ ฉันคงยอมก้มหัวให้เธอเพราะฉันไม่อยากมีปัญหากับโรแวน ฉันจึงปล่อยให้เธอทำให้ฉันอับอาย เธอจะสนุกไปกับมันและรู้สึกมีอำนาจที่สามารถกดให้ฉันกลายเป็นคนไร้ค่า

ฉันยิ้มให้เธอ “เอาเลย ฉันไม่สนใจหรอก ทำไมเธอไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเขาตอนนี้เลยล่ะ?” ฉันท้าทายเธอ

“คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ?”

“ก็หวังว่าเธอจะกล้านะ” ฉันตอบอย่างพึงพอใจ

ความนับถือตนเองที่ฉันคิดว่าฉันได้สูญเสียไปหลังจากที่อีธานทรยศฉันเริ่มกลับคืนมาอย่างช้า ๆ ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนมาทำให้ฉันตกต่ำที่สุดอีกครั้งเด็ดขาด

“มีเรื่องอะไรกัน?” เสียงที่เคร่งขรึมกล่าวถาม

ฉันเงยหน้าขึ้นและพบว่าโครินกำลังจ้องพวกเรา เราไม่ได้นับว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เป็นคนรู้จักหรือจะเรียกว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจมากกว่า บริษัทก่อสร้างของพ่อเธอเป็นบริษัทที่ฉันใช้ตอนสร้างบ้านเด็กกำพร้าของมูลนิธิโฮป เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ด้วย บริษัทก่อสร้างเป็นบริษัทในครอบครัวและเธอเป็นผู้ถื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 132

    “เอวา ได้โปรด คุยกันหน่อยได้ไหม?” แม่อ้อนวอนเมื่อฉันกำลังจะเดินหนีไปฉันมองเธอด้วยความไม่แน่ใจว่าเธอต้องการอะไร เรามีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกัน? ทุกอย่างก็ถูกพูดและจัดการไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?“เราไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันค่ะคุณแม่” ฉันยืนกรานเมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันแตกต่างจากเอมม่าและทราวิสอย่างไรเมื่อพูดถึงคุณแม่และคุณพ่อ ในขณะที่เอมม่าและทราวิสเรียกพวกเขาว่าแม่และพ่อ สำหรับฉันแล้ว พวกเขาคือคุณพ่อและคุณแม่ ชัดเจน เรียบร้อย และไม่มีความสนิทสนมเลยฉันไม่เคยยอมรับพวกเขาว่าเป็นพ่อแม่ของฉันจริง ๆ เพราะลึก ๆ แล้วฉันรู้ดี พ่อแม่จะไม่เกลียดลูกของตัวเอง พ่อแม่จะไม่ละเลยลูกของตนและปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนขยะ ฉันเรียกพวกเขาอย่างไม่สนิทสนมเพราะลึก ๆ แล้วฉันไม่ได้ถือว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉัน“ได้โปรดเถอะ ฉันขอร้องล่ะ” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตามันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่เห็นเธอมีน้ำตา ใบหน้าของเธอแดงก่ำและดูอ่อนโยน นี่เป็นแววตาที่ฉันไม่เคยเห็นเธอมองฉันมาก่อน ปกติเธอจะขมวดคิ้วและมองฉันด้วยความเฉยเมยและเย็นชาที่เธอมีให้สำหรับฉันโดยเฉพาะเสมอ“เธอพาฉันไปที่โต๊ะของเราในขณะที่พวกเขาคุยดีกว่า

  • ธุลีใจ   บทที่ 133

    ฉันเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอแต่ฉันไม่สนใจ เธอทำให้ฉันเจ็บปวดมาหลายปีแล้ว นี่เทียบอะไรไม่ได้กับสิ่งที่ฉันต้องทนทุกข์จากน้ำมือของเธอและครอบครัวของเธอด้วยซ้ำอีกอย่างฉันไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงดูเจ็บปวด ฉันแน่ใจว่าเหตุผลเดียวที่เธออยู่ตรงนี้ก็เพื่อพยายามช่วยบริษัทของครอบครัวเธอ“มันเจ็บนะที่เธอคิดแบบนั้นกับฉัน ที่เธอคิดว่าเหตุผลเดียวที่ฉันขอโทษก็เพื่อที่ว่าฉันจะช่วยบริษัทได้ แต่ฉันก็โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เพราะการกระทำของฉันเอง เธอจึงคิดว่าฉันไม่น่าเชื่อถือเลย”เมื่อมองดูเธอตอนนี้ คุณจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าเธอคือผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่เคยด่าทอฉันเมื่อทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อย คนที่เคยปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันไม่สำคัญ มันแปลกมาก เราไม่เคยเปิดใจกัน ดังนั้นการนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เธอระบายความรู้สึกจึงค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วนใจ“ฉันต้องการการให้อภัยจากเธอจริง ๆ ฉันอยากเป็นแม่ของเธอจริง ๆ ฉันอยากกอบกู้สิ่งที่ฉันทำลายไป ฉันอยากได้ความรักที่ฉันทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจกลับคืนมา”ฉันถอนหายใจ “ฉันไม่อยากจะใจร้ายนะ แต่ก่อนอื่นเลยคุณไม่ใช่แม่ของฉัน ผลการตรวจดีเอ็นเอที่ฉันมีที่บ้านเป็นหลักฐานได้ สอง คุณห

  • ธุลีใจ   บทที่ 134

    ฉันจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรกับมันดีตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านแล้ว ฉันเพิ่งกลับมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ตลอดเวลานั้นฉันใช้เวลาไปกับการถกเถียงในใจว่าจะเปิดมันหรือฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ดีกระดาษแผ่นนั้นดึงความสนใจฉันไปที่กระเป๋าของฉันตลอดเวลาที่ฉันขับรถกลับบ้าน แต่ถึงตอนนี้ ฉันก็ยังทำได้เพียงจ้องมองมันส่วนหนึ่งของฉันอยากรู้เกี่ยวกับเนื้อหาในนั้น แต่อีกส่วนหนึ่งไม่สนใจว่าข้างในนั้นเขียนอะไรไว้ คนที่เขียนมันเกลียดฉัน การอ่านจดหมายที่เขาเขียนจะมีอะไรดี?ฉันหยิบมันขึ้นมา กำลังจะฉีกมัน แต่มีเสียงหนึ่งหยุดฉันไว้‘อ่านสักทีเถอะ อย่างเลวร้ายที่สุดจะเกิดอะไรขึ้นได้เชียว?’ เสียงภายในของฉันกระซิบถามฉันผงะเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นคำพูดยอดฮิต ฉันคิดกับตัวเองสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือเขาจะทำให้ฉันเจ็บปวดคำพูดเป็นสิ่งที่อันตราย พวกมันสร้างความเสียหายได้มากกว่าอาวุธใด ๆ ฉันยังจำคำพูดที่รุนแรงบางคำที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันพูดกับฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ บาดแผลที่คำพูดของพวกเขาสร้างไว้ไม่เคยถูกรักษาให้หายได้อย่างแท้จริง‘เปิดมันซะ!’ เสียงนั้นตะโกนฉันกางจดหมายออก

  • ธุลีใจ   บทที่ 135

    ฉันจะอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้ มันจะทำให้ฉันต้องสูญเสียมากกว่าที่ฉันเต็มใจจะเสีย ฉันเคยถึงจุดแตกหักมาแล้ว ฉันจะไม่เสี่ยงกลับไปสู่ความมืดมิดที่เกือบจะพรากชีวิตของฉันไปอีกฉันปีนขึ้นเตียงและนอนลง ไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ฉันร้องไห้ให้กับคนพวกนี้มามากพอแล้ว ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้กับคนที่ไม่สมควรได้รับอะไรจากฉันอีกไม่นาน ความเหนื่อยล้าก็ครอบงำฉัน ความเหนื่อยล้าทั้งทางอารมณ์และกายทำให้ฉันหมดแรง และฉันก็ผล็อยหลับสนิทไปโดยไม่ฝันอะไรเลยเมื่อฉันตื่นขึ้นก็เป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดนาฬิกาบ้าเอ้ย! ฉันรีบลุกจากเตียงจนสะดุดล้ม ฉันควรจะไปรับโนอาตอนเก้าโมงเพราะโรแวนต้องบินไปประชุมที่เมืองอื่นฉันรีบอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เมื่อเสร็จแล้วฉันก็รีบวิ่งลงบันไดโดยภาวนาว่าจะไม่สะดุดตกบันไดและคอหักซะก่อนฉันหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นโรแวนและโนอากำลังทานอาหารเช้าอยู่ในครัว เขาใส่สูทและกำลังทำแพนเค้ก มันแปลกมากเพราะฉันไม่เคยเห็นเขาทำอาหารมาก่อนเลย“แม่ ตื่นแล้วเหรอครับ” โนอาตะโกนถามในขณะที่อาหารเต็มปาก “ผมจะไปปลุกแม่แล้ว แต่พ่อบอกให้ปล่อยให้แม่นอน”“เกิดอะไรขึ้น?” ฉันถามด้วยความสับสน

  • ธุลีใจ   บทที่ 136

    “แม่ เราจะไปไหนกันเหรอครับ?” โนอาถามฉันขณะที่ฉันล็อคประตูบ้านฉันไม่ได้วางแผนสำหรับทริปเล็ก ๆ นี้ แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ โนราและธีโอโทรหาฉันมาหลายวันแล้ว พวกเขาต้องการสร้างความสนิทสนมกับฉัน แต่ฉันกลับเว้นระยะห่างกับพวกเขามาตลอดฉันจึงตัดสินใจว่าจะให้โอกาสพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขารักฉันจริงหรือไม่ หากฉันยังคงผลักไสพวกเขา? และนอกจากนี้ฉันต้องการคนดี ๆ ในชีวิตมากกว่านี้“แม่มีคนบางคนที่อยากพาลูกไปเจอ” ฉันตอบพลางจับมือเขาไว้ขณะที่พาเขาไปที่รถของฉันขณะที่เรากำลังเดินไปที่รถ สายตาของฉันก็ไปสะดุดกับรถขนย้ายซึ่งจอดห่างจากบ้านฉันไปไม่กี่เมตร“ดูเหมือนว่าจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่” ฉันบอกโนอา “เรากำลังจะมีเพื่อนบ้านใหม่แล้วนะ”บ้านหลังนั้นว่างเปล่ามาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว โครงสร้างบ้านก็คล้ายกับบ้านฉัน เพียงแต่ว่าบ้านหลังนั้นดูใหญ่กว่าเล็กน้อย“หวังว่าพวกเขาจะมีลูกที่อายุเท่าผมนะครับ” โนอาพูดด้วยความตื่นเต้น “อย่าเข้าใจผมผิดนะครับแม่ ผมชอบที่นี่มาก แต่ที่นี่มีแต่คนแก่”ฉันหัวเราะกับเรื่องนั้น เมื่อฉันเลือกที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าเราจะมีผู้สูงอายุที่คอยยุ่งเ

  • ธุลีใจ   บทที่ 137

    “ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับแม่ ผมบอกแม่แล้วว่าผมอยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน และผมจะได้สิ่งที่ต้องการเสมอ” ความมุ่งมั่นปรากฏชัดในน้ำเสียงของเขาขณะที่เขาพูดอย่างนั้นฉันถอนหายใจ “ไม่ใช่คราวนี้นะลูกรัก”ความเงียบเข้าปกคลุมเราขณะที่เราขับรถ ไม่นานเราก็มาถึงย่านหรูที่พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ฉันขับรถไปที่ประตูไฟฟ้า หลังจากป้อนรหัสผ่านบนหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้าง ประตูก็เปิดออก ธีโอให้รหัสผ่านกับฉันในกรณีที่ฉันต้องการไปเยี่ยมพวกเขาเราขับรถไปตามถนนเล็ก ๆ ที่มีต้นไม้เรียงรายสองข้างทาง เราใช้เวลาขับรถประมาณห้านาทีก็ถึงบ้านหลังใหญ่ที่สวยงามหลังหนึ่ง“ว้าว ที่นี่สวยมากเลยครับ น่าประทับใจกว่าบ้านคุณปู่คุณย่าเสียอีก” โนอาพูดโดยอ้างถึงบ้านพ่อแม่ของโรแวนฉันยิ้ม เขาคงจะแปลกใจน่าดูเมื่อฉันบอกว่านี่ก็เป็นบ้านของคุณตาคุณยายของเขาฉันจอดรถไว้หน้าสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี หลังจากที่ดับเครื่องแล้ว เราก็ลงจากรถ ฉันจับมือเขาแล้วเดินช้า ๆ ไปทางบ้านสายตาของโนอามองไปทั่วทุกหนแห่ง เขามองทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ความตื่นเต้นและความเกรงขามปรากฏชัดบนใบหน้าของเขาก่อนที่ฉันจะทันได้กดกริ่งประตู ประตูก็เปิดออ

  • ธุลีใจ   บทที่ 138

    ฉันเคาะเท้าอย่างประหม่าในขณะที่รอให้ถูกเรียกชื่อ ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องรอของคลินิกเพื่อรอการนัดหมายจะบอกว่าฉันรู้สึกประหม่าก็ยังน้อยไป เพราะภายในใจของฉันกำลังวิตกกังวลทั้งหมดนี้รู้สึกเหมือนเดจาวู ฉันตั้งครรภ์ครั้งที่สองและตอนนี้ฉันต้องไปพบแพทย์ตามลำพัง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคืออีธานไม่สามารถมาพบแพทย์กับฉันได้ ในขณะที่โรแวนเลือกที่จะไม่มากับฉันฉันพยายามอย่างหนักที่จะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ จนกระทั่งเมื่อสองสามวันก่อน ฉันสังเกตเห็นว่ารอบเอวของฉันเริ่มใหญ่ขึ้น ท้องของฉันเริ่มโตขึ้น และในไม่ช้าทุกคนก็จะรู้ว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ฉันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าและจดบันทึกไว้ในใจว่าจะบอกพ่อแม่ของฉัน ฉันยังไม่กล้าเปิดเผยว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ลูกของอีธาน เหตุผลหลักคือเขายังเป็นลูกชายของพวกเขาอยู่ พวกเขาจะต้องรู้สึกแปลกมากเมื่อรู้ว่าลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาตั้งครรภ์กับลูกบุญธรรมทุกอย่างก็ยุ่งเหยิงไปหมด แต่ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้ สิ่งที่ทำไปแล้วไม่อาจแก้ไขได้ ทารกคนนี้อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าฉันจะชอบหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีทางเลี่ยงข้อเท็จจริงเล็ก ๆ นี้ได้เลย“ผมรู้สึกได้ถึงความกังวล

  • ธุลีใจ   บทที่ 139

    “ผมอยากพาคุณไปกินข้าวเที่ยง” โรแวนทำให้ฉันประหลาดใจอีกครั้งฉันมองเขาด้วยความสงสัย “ทำไมคะ?”“ผมอยากให้เราคุยกัน”ฉันมองไปทั่วถนนเพื่อดูว่ามีแท็กซี่ไหม วันนี้ฉันมาที่นี่ด้วยแท็กซี่เพราะไม่อยากขับรถ“ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี เราไม่มีอะไรให้ต้องคุยกันเลย” ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้งเขาสางผมสีดำของตัวเองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย“โรแวน…” ฉันกำลังจะบอกให้เขารู้ว่าฉันกำลังจะไป แต่เขากลับขัดจังหวะฉัน สีหน้าของเขาดูเย็นชา“ผมไม่ยอมรับคำปฏิเสธ คุณจะยอมขึ้นไปเองหรือจะให้ผมต้องอุ้มคุณขึ้นรถ” เขากล่าวพร้อมชี้ไปที่รถของเขา“คุณไม่กล้าหรอก”“ก็ลองดูสิ เอวา”เขาเริ่มเข้ามาหาฉัน และฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำตามที่เขาขู่เอาไว้แล้ว ฉันจึงหันหลังและกระแทกเท้าไปที่รถของเขาด้วยเสียงฮึดฮัดเขาปลดล็อกรถและฉันก็ขึ้นรถ ฉันจ้องเขาเขม็งเมื่อเขาขึ้นรถและสตาร์ตรถฉันเงียบไว้ ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุย ฉันโกรธและสับสนกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมกะทันหันของเขา ฉันอยากได้โรแวนคนเดิมกลับมา คนที่ฉันเคยชิน ตัวตนนี้ของเขาเป็นสิ่งใหม่สำหรับฉันและฉันคาดเดาไม่ได้เลย ฉันไม่ชอบแบบนั้นเราไปถึงร้านอาหารที่ฉันไม่เคยไป

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status