ผู้ตรวจการเหอมองสตรีในอาภรณ์บุรุษผู้นั้นที่บัดนี้ใบหน้าเปรอะเปื้อนฝุ่น จนมองไม่ออกว่าเป็นผู้ใดกันแน่ แต่เมื่อเห็นอาภรณ์ผ้าไหมที่แม้จะเรียบๆ แต่กลับปักลวดลายอย่างวิจิตรแล้วคงคิดว่าคงเป็นคุณหนูเสเพลผู้เอาแต่ใจอยากได้บุรุษเข้าไปเชยชมในจวน จึงกระแอมแล้วเอ่ยขึ้น"เรื่องนี้ข้าไม่ฟังความข้างเดียวอยู่แล้ว ไปที่ว่าการข้าจะตัดสินเองทั้งสองคน" กล่าวจบเขาพลันสั่งทหารให้จับกุมตัวคนทั้งคู่ องครักษ์เข้ามาขวางด้านหน้าขององค์หญิงสิบสามทันใด ทหารเห็นท่าทางดุดันน่ากลัวขององครักษ์จึงยังไม่กล้าขยับกายได้แต่มองหน้ากันไปมา"ท่านผู้ตรวจการได้โปรด เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดเองอย่าให้ถึงที่ว่าการเลยขอรับ" บุรุษใบหน้าคมที่องค์หญิงสิบสามลอบวาดภาพเป็นฝ่ายคุกเข่าขอร้อง ดูเหมือนว่าสตรีผู้นั้นพอเห็นสามีจะยินยอมปล่อยผมขององค์หญิงสิบสามแล้วองค์หญิงสามจึงยินยอมปล่อยผมของนางเพื่อความยุติธรรม อาชิงช่วยพยุงองค์หญิงให้ลุกขึ้นใบหน้าบวมไปข้างหนึ่ง ส่วนสตรีที่เล่นงานอาชิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย สตรีทั้งสองคนที่โรมรันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อสักครู่ต่างได้รับความบอบช้ำไม่แตกต่างกัน"ไม่ได้เรื่องทะเลาะวิวาทอย่างไรก็ต้องจัดการให้ด
"ท่านพี่ที่ข้าไปวาดรูปที่นั่นความจริงมีเหตุผลที่ข้ายังไม่ได้บอกท่าน" องค์หญิงสิบสามสารภาพบางสิ่งออกมา"ข้ารู้" หยางเอ้อหลางยิ้มบางๆพลางเช็ดน้ำตาให้นาง"ท่านรู้...." องค์หญิงสิบสามนิ่งอึ้งแล้ว "เจ้ากำลังตามสืบคนผู้นั้นอยู่ใช่หรือไม่""ท่านรู้ได้อย่างไร""ข้าบังเอิญเห็นภาพวาดเข้า เจ้าวาดละเอียดกระทั่งรอยกระบี่ที่ข้าทิ้งไว้ที่ข้อมือของคนผู้นั้นความจริงต้องขอบคุณเจ้าที่วาดสายลับเอาไว้ได้หลายคน พวกมันมีบางส่วนที่ออกจากเมืองหลวงตอนนี้ข้าสั่งให้ทหารควบคุมตัวไว้หมดแล้ว""ท่านพี่ท่านฉลาดยิ่งนัก"องค์หญิงสิบสามตกตะลึงแล้วในคราแรกที่นางตระเวนวาดภาพบังเอิญไปพบคนผู้หนึ่งเข้า หากมองผิวเผินเขาเป็นเพียงช่างตีเหล็กที่มีใบหน้างดงามผู้หนึ่ง แต่องค์หญิงสิบสามจดจำรูปหน้าคนแม่นนักเมื่อแอบมองเขาบ่อยครั้งคิ้วของคนผู้นั้นคล้ายกับคิ้วของคนที่จับกุมตัวนางและหนีรอดไปได้ในวันนั้นเหลือเกิน ยิ่งวาดเขายิ่งให้ความรู้สึกว่าต้องใช่ไป๋อี้ บุรุษที่โดดเด่นเช่นนั้นผิวพรรณขาวผ่อง ผิดกับสีผิวของคนที่อยู่กับเปลวไฟทั้งวันย่อมมีรอยด่างดำเผาไหม้เป็นธรรมดาผิดแผกกับช่างตีเหล็กทั่วไปนัก นางต้องการให้แน่ใจว่าคนผู้นั้นใช่ไป๋อี้ท
หยางเอ้อหลางถอดอาภรณ์ของตนเองออกอีกทั้งยังช่วยภรรยาถอดของนางจนสองร่างไร้สิ่งขวางกั้นร่างเปลือยแนบชิดโลมลูบกันและกัน ในมือของหยางเอ้อหลางประคองสองเต้าอวบเอาไว้อย่างทะนุถนอม นิ้วมือของเขาไล้วนปลายถันช้าๆ จวบจนมันเต่งตั้งใต้นิ้วมือเรียว ผิวกายเนียนเรียบของนางทำให้หยางเอ้อหลางคลั่งแทบขาดใจหยางเอ้อหลางไล้ปลายลิ้นของตนดูดเลียจนทั่วกายภรรยา ไม่ว่าเขาจะสัมผัสตรงจุดไหนล้วนสร้างความปั่นป่วนร้อนรุ่มให้เกิดแก่องค์หญิงสิบสามเป็นอย่างยิ่งนิ้วเรียวของนางบีบเคล้นช่วงหัวไหล่อีกทั้งยังลูบลงมาที่ช่วงแขนมัดแน่น เมื่อผู้เป็นสามีไล้ปลายลิ้นลงไปยังส่วนล่าง องค์หญิงสิบสามครางในลำคอนางแยกขาออกกว้างให้เขาเชยชม กดศีรษะของเขาลงไปหยางเอ้อหลางอ้าปากรวบยอดเกสรเอาไว้ในปาก เริ่มรักนางด้วยความกระหายองค์หญิงสิบสามร้องครวญคราง ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาทั้งกระหายอีกทั้งซอกซอน ความรู้สึกเสียวซาบซ่านแสนทรมานเกิดขึ้นกับนางทุกครั้งเมื่อเขาสัมผัสดื่มกิน ความรู้สึกแสนหวานอีกทั้งทรมานที่นางไม่ต้องการให้เขาหยุด"ท่านพี่ ตรงนั้น อ๊า"นางเสียวแปลบเมื่อปลายลิ้นเขาละเลงลงบนปลายเกสรของนางถี่ยิบ หยางเอ้อหลางครางเมื่อเห็นว่าภรรยาส
"เหตุใดความผิดข้า"นางดึงเขามาจุมพิตแล้วเอ่ยว่า "เพราะข้าชอบที่ท่านงดงามโดยไร้อาภรณ์เช่นนั้นจึงต้องถอดเป็นเพื่อนท่าน หาได้ชอบนอนเปลือยไม่""องค์หญิงสิบสามท่านลามกเกินไปแล้ว"เขาดีดหน้าผากนาง จัดแจงภรรยาจนแน่ใจว่าแต่งกายรัดกุมแล้วจึงวางใจก่อนจะลุกขึ้น"ท่านต้องไปแล้วหรือ""อืม""ไปที่ใด""ไปจับโจร""โจรหรือ""หมินเออร์ข้าบอกท่าน ของในจวนสกุลหยางถูกขโมยเมื่อคืน สืบทราบพบคนร้ายได้แล้วพบว่ากลุ่มโจรคือคนที่ทำงานอยู่โรงตีเหล็กจำต้องเข้าตรวจค้นทันที""มีโจรเข้าจวนเมื่อใด เหตุใดเป็นคนตีเหล็กพวกนั้น หรือว่าท่าน.." "โจรปล้นหรือ ข้าคิดว่าคงเป็นเมื่อตอนที่ท่านทะเลาะกับคนอื่นเลยไม่มีเวลามาสนใจเรื่องในจวน" หยางเอ้อหลางเอ่ยแย้มยิ้ม"อ้อ หมายความว่าตอนที่ข้าตีคนท่านให้คนเอาของที่ถูกขโมยไปไว้ในโรงตีเหล็กนั่นหรือ"หยางเอ้อหลางพยักหน้าอีกทั้งยังยิ้มบาง องค์หญิงสิบสามเข้าใจแล้ว สามีของนางร้ายกาจนักกล้าใส่ความคนเช่นนี้ นางคาดเดาวิธีทำงานของเขาไม่ออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ท่านพี่ ข้าไปด้วยได้หรือไม่" "รอข้าจับคนได้ก่อนท่านค่อยมาเป็นพยานในภายหลัง"กล่าวจบเสียงอาชิงที่รออยู่หน้าห้องพลันดังขึ้น"ท่านแม่ทัพเสร
"ท่านหมอ ข้าต้องตามท่านหมอ"องครักษ์ฝานเสียสติไปแล้ว เขาวิ่งวุ่นไปหาท่านหมอโดยที่ไม่ฟังผู้ใดอีกอาชิงมองคนผู้นั้นอย่างอ่อนอกอ่อนใจ นางกับองค์หญิงสิบสามใช่ว่าจะเคยมีเรื่องครั้งแรกเสียเมื่อใด อาชิงชินเสียแล้ว"เช่นนั้นข้าขอตัวเจ้าค่ะ""เจ้าดูแลตนเองให้ดีนะ พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นมาปรนนิบัติเข้าใจหรือไม่"องค์หญิงสิบสามกำชับหนักแน่น อาชิงพยักหน้ายอบกายแล้วถูกสาวใช้ประคองออกจากห้องไปข่าวองค์หญิงสิบสามทะเลาะกับฮูหยินโรงตีเหล็กแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ฮูหยินชราจิบน้ำชาอีกทั้งยังฟังเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับหลานสะใภ้ด้วยใบหน้าปนแย้มยิ้มพลางเอ่ยว่า"นังหนูผู้นี้จะว่าไปก็ซุกซนไม่เบา""ท่านย่าเจ้าคะ ดูเหมือนว่าเพราะเรื่องนี้ชาวบ้านจึงนินทาว่าสกุลหยางได้สะใภ้ป่าเถื่อนทำให้เสื่อมเสียเจ้าค่ะ"พี่สะใภ้ผู้หนึ่งซึ่งค่อนข้างเป็นผู้ยึดมั่นกฎเกณฑ์เอ่ยขึ้น เพราะชาวบ้านนินทาหนาหูนางจึงไม่อาจทนได้จนต้องนำความมาฟ้องท่านย่าหวังให้ผู้เฒ่ากล่าวตักเตือนองค์หญิงสิบสามเสียบ้างในจวนนี้ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าแตะองค์หญิงสิบสามเนื่องด้วยรู้ว่าหยางเอ้อหลางนั้นรักใคร่ทะนุถนอมภรรยาเพียงใด คงมีเพียงฮูหยินชราผู้นี้ที
หยางเอ้อหลางกลับมาเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว เพราะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันจึงทำให้เขาอ่อนเพลียเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกลับมาถึงจวนพบว่าองค์หญิงสิบสามถูกเรียกเข้าเฝ้าพลันขมวดคิ้ว"ฮูหยินน้อยเข้าวังตั้งแต่เมื่อใด""ตั้งแต่เช้าตรู่ขอรับ"พ่อบ้านเอ่ยพร้อมกับนำผ้าสะอาดให้หยางเอ้อหลางเช็ดหน้า"พ่อบ้านเตรียมชุดเข้าเฝ้า ข้าจะเข้าวัง""ขอรับ"หยางเอ้อหลางทิ้งผ้าผืนนั้นทันใด เมื่อคืนที่ผ่านมาเขานำกำลังจับกุมคนร้ายในโรงตีเหล็กและพบว่าแท้จริงแล้วบุรุษผู้นั้นใช้หน้ากากหนังอำพรางใบหน้าที่แท้จริงเอาไว้ เบื้องหลังของคนผู้นั้นกลับกลายเป็นหนึ่งในคณะราชทูตซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึงองค์ชายของแคว้นนามไป๋อี้นั่นเองหลังการต่อสู้กับหยางเอ้อหลางจนหนีหัวซุกหัวซุนครานั้น ไปอี้หาได้ออกจากต้าชิงเขายังคงแฝงเพื่อสืบข่าวของหินจันทราและหาทางแย่งชิงมันกลับมาไป๋อี้สวมหน้ากากมนุษย์ใช้อีกใบหน้าสานสัมพันธ์กันบุตรสาวโรงตีเหล็กมานาน หลังจากนั้นแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีผู้นั้น จวบจนลอบสังหารบิดาของนางจนตายแล้วแต่งเข้าเป็นบุตรเขยกุมอำนาจของโรงตีเหล็กเก่าแก่แห่งต้าชิง อีกทั้งให้สายลับแฝงกายเข้ามาทำงานที่นี่ไป๋อี้วางแผนนานหลายปีมีคนแทรก
ภายใต้แสงแดดอ่อนนี้สะท้อนใบหน้างดงามผิวขาวเกลี้ยงเกลา เป็นเพราะเขากลับจากชายแดนมานานมากแล้วผิวของเขาที่ถูกครอบด้วยสีหม่นจากการฝ่าแดดฝ่าฝนมาหลายปีบัดนี้ถูกขัดเกลาจนเกลี้ยงเผยผิวพรรณอ่อนนุ่มแบบบุรุษรูปงามหล่อเหลาจนองค์หญิงหลินฉีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามที่สุดอดใจเต้นระรัวไม่ได้ ทั้งๆ ที่คิดจะลืมเลือนแต่เขาเกิดมาดีเกินไปเช่นนี้ผู้ใดจะลืมได้ง่ายๆ กันเล่าแม้เขาจะอยู่ข้างๆ นางใกล้ชิดเช่นนี้หยางเอ้อหลางเพียงแต่ทำความเคารพนาง คนผู้นี้ยิ่งไม่เห็นนางในสายตา องค์หญิงใหญ่ยิ่งต้องการเอาชนะ สตรีที่คู่ควรกับหยางเอ้อหลางในแผ่นดินนี้ย่อมมีนางเพียงผู้เดียว"ท่านแม่ทัพ หากท่านต้องการเข้าเฝ้าข้าช่วยท่านได้"องค์หญิงคิดว่านางเป็นต่อแล้ว คนผู้นี้หากเป็นเรื่องขององค์หญิงสิบสามคงต้องยอมให้ลงนางหลายส่วน นางอยากให้หยางเอ้อหลางรู้สึกติดค้างนางบ้างแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี"ขอบพระทัย หม่อมฉันไม่ต้องการ"กล่าวจบเขาก็ประสานมือทำความเคารพ แล้วหันหลังเดินจากไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก องค์หญิงหลินฉีกำมือแน่น ในขณะที่ใบหน้ายังประดับไปด้วยรอยยิ้ม นางเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วแม้จะมีโทสะเพียงใดสิ่งเดียวที่นางทำได้ตอนนี้คืออดกลั
องค์หญิงสิบสามได้ยินเสียงต่อสู้ด้านหน้า นางเดาได้ทันใดว่าคือผู้ใด องค์หญิงสิบสามร้อนรนนักถูกลงโทษเพียงเท่านี้นางถือว่าไม่เป็นปัญหา แต่สามีของนางที่ฝ่าดงทหารมาชิงตัวนางที่นี่ย่อมเดือดร้อนเพียงหันหน้ามาสามีก็อยู่ตรงหน้าแล้ว นางมองใบหน้าของเขาพร้อมกับส่ายหน้า ทหารผู้อยู่เบื้องหลังบัดนี้ต่างได้รับบาดเจ็บไม่มีผู้ใดกล้าเข้าขวางทางแม่ทัพอีก“สามีท่านกำลังหาเรื่องเดือดร้อนรู้หรือไม่ กลับไปเถิดข้าไม่ต้องการเห็นท่านลำบากเพราะข้า”หยางเอ้อหลางหาได้ฟังนาง จับจ้องใบหน้าซีดเซียวของนางด้วยความเจ็บปวด ทั้งหมดเป็นเพราะเขาดึงนางมาเกี่ยวข้อง เรื่องทั้งหมดสมควรเป็นเขาที่ถูกลงโทษ“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”เขาคุกเข่าลงข้างนางเห็นองค์หญิงสิบสามไม่ขยับกาย บัดนี้ภายในรู้สึกดั่งมีหนามแหลมกรีดลงไปในหัวใจ ภรรยาของเขาคุกเข่าท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ ไม่มีแม้กระทั่งผู้ที่กางร่มกันละอองหิมะให้หยางเอ้อหลางค่อยๆ ปัดหิมะออกจากไหล่ของนางเบาๆ องค์หญิงสิบสามเห็นสามีกระทำการเช่นนี้ก็ยิ่งห่วงใย ยิ่งเขานิ่งขรึมก็ยิ่งอันตราย“ข้าโดนลงโทษจนชินเสียแล้ว ท่านพี่กลับไปเถิดข้าเกรงว่าหากเสด็จย่าทรงกริ้วหนักกว่านี้ท่านจะเดือดร้อนไปด้วย
ร่างขององค์หญิงสิบสามอ่อนระทวย ในขณะที่เขาปรนเปรอนวดเฟ้นอกอวบเร่งจังหวะร้อนผ่าว เขาใช้เข่าดันแยกขาของนางออก กดแท่งใหญ่ยาวเข้าไปภายในที่นุ่มชุ่มฉ่ำจนมิดด้ามนางบีดรัดเขา ตอดเขาจนเขาเจียนคลั่ง หยางเอ้อหลางขยับกายดุนดันตนเองเข้าไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดนางกำลังโอบล้อมเขาบีบบังคับเอาเสียงครางราวสัตว์ป่าบาดเจ็บออกมาจากริมฝีปากของเขา หยางเอ้อหลางครางทั้งที่ยังดูดกลืนปลายถันของนางเอาไว้ เขาเร่งจังหวะควบนางประดุจควบอาชา เข้าออกลึกล้ำแม้อากาศจะหนาวแต่สองร่างกลับเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น เขาช้อนสะโพกผายขึ้นกระแทกนางจนร่างอรชรสั่นสะท้าน องค์หญิงสิบสามรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกเขานำลงกระทะใบใหญ่แล้วเคี่ยวให้ละลายครั้งแล้วครั้งเล่าเขาทำอย่างที่พูดดูดกินร่างกายของนางทุกสัดส่วนไม่เหลือเว้นแม้แต่ส่วนเดียว หากนางไม่มีกระพรวนผู้พิทักษ์เกรงว่าทั้งร่างของนางคงเต็มไปด้วยร่องรอยรักที่เขาฝากไว้แล้วจังหวะดูดเม้มของเขาพร้อมกับสองมือที่บีบเคล้นปทุมถันนั้นทำให้นางเสียวสะท้าน ยามที่เขาขบกัดฟันลงมาที่ผิวขาวผ่องทำให้นางขนลุกชันองค์หญิงสิบสามกรีดร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้อายเขาถาโถมร่างลงมา กดสะโพกของนา
ความรู้สึกเสียวแปลบเมื่อมือของเขาและมือของนางสัมผัสที่เต้าอวบ ทำให้องค์หญิงสิบสามครางต่ำ หยางเอ้อหลางดันขาของนางให้กว้างขึ้น สอนนางให้ขยี้ขยำเต้าอวบของตนเองก่อนจะปล่อยมือแล้วแยกขาของนางออกให้สุดเขาลงลิ้นชิมรสภรรยาอย่างหื่นกระหาย ปลายลิ้นแหลมดุนดันในขณะที่ขบกัดและละเลงลิ้นดูดกลืนนางเอาไว้ในปาก องค์หญิงสิบสามสะดุ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ดันกายขยับสะโพกเข้าหาเขามือที่ถูกเขาสอนให้ล่วงเกินตัวเองยังคงทำหน้าที่กระตุ้นความรู้สึกร้อนรุ่มของตนเอง เพลิงสวาทที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นกับนางอย่างรวดเร็วกำลังเผาไหม้องค์หญิงสิบสามเกือบจนสิ้นสติ นางกรีดร้องในลำคอทุกครั้งที่เขาแยงลิ้นเข้าหา เขารัวลิ้นฟาดฟันเบื้องล่างองค์หญิงสิบสามอย่างไม่ปรานี นางกดศีรษะของเขาลงให้เขากินมากกว่านี้ดื่มด่ำกับนางมากกว่านี้ สุดท้ายเป็นนางที่ดึงเอี๊ยมของตนเองทิ้ง ยันกายมองศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวนุ่มหนาของสามี นางดึงปิ่นปักผมของเขาออก ก่อนจะดึงกวานเงินที่ครอบเส้นผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ปรานี นางเปลือยเปล่าเช่นนี้เหตุใดสามียังมีอาภรณ์ติดกายเห็นแล้วขัดเคืองยิ่งแต่นางยังไม่ทันได้คิดสิ่งใด ลิ้นของเขาก็ฟาดฟันลงมาจนนางบิดกายเร่า เ
เสียงปิดประตูด้านนอกเรือนดังขึ้น หยางเอ้อหลางรินน้ำชาให้องค์หญิงสิบสามนางยกขึ้นมาจิบ เห็นว่ารสชาติมีความหวานยิ่งอีกทั้งหอมกรุ่นอยู่ในปากนางชื่นชอบยกดื่มจนหมดจอก แล้วนางก็คิดขึ้นได้ว่าได้ดื่มชานี้เมื่อครั้นฝ่าบาทพระราชทานให้เมื่อนานมาแล้ว“ชานี้เป็นชาเลื่องชื่อที่หากินได้เพียงปีละครั้ง ข้าเคยชิมมาแล้วคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีชาประเภทนี้อยู่ด้วย”“เป็นสินค้าของโรงชาของเรา”“โอ้ท่านพี่แม้แต่ชาหายากในแผ่นดินก็เป็นสินค้าของท่านหรือ”องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างชอบใจ นางเป็นภรรยาเศรษฐีของจริงแล้ว ไม่อดตายแล้ว“แคว้นอิ๋นของท่านยายเชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ ใบชาดังนั้นสินค้าหลายอย่างก็มาจากการคิดค้นของท่านยาย”เขารินชาให้นางอีกจอก ก่อนที่จะเดินไปเทน้ำอุ่นลงในอ่างใบเล็กหยางเอ้อหลางถือชามมาถอดรองเท้าหุ้มแข้งสีขาวของภรรยาออกพร้อมกับถุงเท้าเขาจับเท้านางแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับนวดให้เบา ๆ นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง คนที่อุ้มนางเดินคือเขาแต่เขากำลังทำราวกับว่านางได้ใช้เท้านี้อย่างหนักมากระนั้นแต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าเขาดูอิ่มเอมนักองค์หญิงสิบสามจึงปล่อยให้สามีดูแลอย่างมีความสุข อีกทั้งความหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ผสมในน้ำอ
หนุ่มน้อยหลายคนถึงกับอายม้วนเมื่อสบสายตากับองค์หญิงสิบสาม นางกลายเป็นที่นิยมในเวลาเพียงชั่วลมหายใจหยางเอ้อหลางกระแอมอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงต่ำ“ข้าเพียงพาองค์หญิงมาเดินเล่น พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีสิ่งใดที่ควรทำก็ไปทำเสีย”“เจ้าค่ะ” บุรุษหนุ่มหลายคนแยกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงสตรีที่คอยดูแลนำพวกเขาไปที่เรือนพัก องค์หญิงสิบสามจึงสามารถโผล่ศีรษะมาจากอ้อมแขนของเขาได้ หยางเอ้อหลางสนทนากับหญิงชราอีกหลายคำก่อนนางจะประสานมือคารวะแล้วเลี่ยงไปดูแลจัดน้ำร้อนน้ำชาให้กับพวกเขา“ท่านพี่บอกพาข้ามาเดินเล่นแต่ท่านอุ้มข้าอยู่เช่นนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร”“พื้นดินลื่นนัก ข้าเกรงท่านจะเสียหลักล้มข้าอุ้มเจ้าเช่นนี้ดีแล้ว”องค์หญิงสิบสามบิดคางของเขาแล้วเอ่ยว่า“ท่านพี่ข้าเป็นวรยุทธ์จะเสียหลักได้อย่างไร”นางหัวเราะแต่สองมือกลับโอบรอบคอของเขาแน่น เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปล่อยนางลงนางก็จะเกาะเขาเป็นปลิงอยู่เช่นนี้ ใบหน้าขาวใสงดงามท่ามกลางหิมะขาวของท่านพี่หล่อเหลานัก หล่อเหลาจนอดที่จะยกมือลูบไล้อย่างไม่อายสายตาคนรอบข้างได้ จวบจนนางอดทนไม่ไหวโน้มคอของสามีลงมาจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขา “ชื่นใจจัง” นางเอ่ยอย
รูปร่างของเขาที่ว่าขณะสวมอาภรณ์นั้นงดงามมากสมบูรณ์แบบมากแล้วแต่ผู้ใดจะรู้ว่ารูปร่างที่แท้จริงภายใต้อาภรณ์นั้นกลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าภาพวาดบุรุษหนุ่มที่งดงามในหนังสือเสียอีกมัดกล้ามแข็งเป็นลอนไหล่กว้างน่าซบช่างเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมที่แม้แต่เทพบนสวรรค์ยังต้องริษยาหยางเอ้อหลางมองใบหน้างามล้ำของภรรยาที่แดงระเรื่อนิ้วมือเรียวขาวผ่องที่ลูบไล้บนอกของตนแม้จะมีอาภรณ์หนากั้นกลางกลับส่งผ่านความเร่าร้อนเข้าไปด้านในจนเขากำลังรู้สึกว่าผิวกายบริเวณนั้นกำลังโดนลวก เขาต้องการนางจนไม่อาจรอช้าจึงพานางกระโดดเหาะขึ้นกลางอากาศด้วยเร่งร้อน นางยิ้มบางใบหน้ายังคงแดงระเรื่อดุจสีของกลีบกุหลาบยิ่งมองตัดกับภาพหิมะที่ขาวโพลนอยู่รอบกายช่างดูงามล้ำจนเขาแทบลืมหายใจองค์หญิงสิบสามแท้จริงแล้วนางงดงามยิ่งกว่าหญิงงามล่มเมืองที่เขาได้เชยชมมา มีหญิงงามในอ้อมกอดอีกทั้งเป็นหญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมเช่นนี้ความต้องการในตัวนางของเขาจึงมีมากจนแทบคิดว่าตนเองตะกละตะกลามอย่างน่าละอายช่วงล่างของเขาบัดนี้แข็งแกร่งจนดันอาภรณ์ออกมาโชคดียังมีเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างไว้ไม้ให้มันออกมาอวดความใหญ่โตด้านหน้าให้อับอายไปมากกว่านี้สุดปล
"มิน่าเล่าท่านถึงร่ำรวยนัก เป็นเพราะสกุลหยางวางแผนอย่างดีเยี่ยม ข้านับถือยิ่งบรรพบุรุษสกุลหยางนอกจากชำนาญการรบยังสายตากว้างไกลอีกด้วย""ความสุขที่สกุลหยางมีในวันนี้กระนั้นก็ยังแลกกับชีวิตบุรุษสกุลหยางเกือบทั้งสกุล เมื่อเหลือข้าเพียงคนเดียวจึงเป็นความหวังของทุกคนนัก""ท่านไม่ต้องห่วงข้าจะตั้งใจมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหยางมากหน่อยเพื่อทำความหวังของสกุลให้เป็นจริง"นางจับมือเขาแน่น หวังเพียงว่าตนเองอาจช่วยคลายความเศร้าโศกในใจของเขาให้มลายไปได้สักเล็กน้อย"ไม่เป็นไรท่านอย่ากดดันตนเองให้มาก แม้ไม่มีก็ไม่เป็นไร"ดวงตาของหยางเอ้อหลางอ่อนแสง องค์หญิงสิบสามไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าเขาหม่นหมองลงเล็กน้อยก่อนจะปรับเป็นปกติโดยพลัน"ความจริงแต่งให้ท่านมาก็นานแล้วข้าอย่างไรเสียก็รู้สึกผิดอยู่บ้างที่ยังไม่ท้องเสียที""ท่านมีหินจันทราในร่างกายหากตั้งครรภ์ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอันตรายใดหรือไม่ เราป้องกันไว้ดีกว่าจะได้ไม่เสียใจภายหลัง""ท่านพี่"องค์หญิงสิบสามน้ำตาคลอแล้วยิ่งเขาดีเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกผิด ความจริงที่ว่านางแอบดื่มยาหยุดครรภ์เขาอาจจะรู้แต่นางไม่อาจเสี่ยงให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ หากนางตั้งครรภ์แล
เถ้าแก่เหลาน้ำชาออกมาต้อนรับประดุจพวกเขาเป็นลูกค้าปกติทั่วไป ยามเช้าผู้คนในเหลาน้ำชาแน่นขนัดด้วยเป็นเหลาขึ้นชื่ออันดับหนึ่งในต้าชิงข้างในจึงคึกคักยิ่ง เห็นได้ชัดว่ากิจการดีและทำเงินได้มากเพียงใด ความจริงองค์หญิงสิบสามก็เคยมาที่นี่บ่อยครั้งเมื่อครั้นฉางอ๋องยังประจำการที่เมืองหลวงเถ้าแก่ร้านน้ำชาจึงรู้จักนางเป็นอย่างดี แต่คิดไม่ถึงว่าบุรุษเช่นหยางเอ้อหลางที่อาศัยอยู่ชายแดนมายาวนานจะดูสนิทสนมกับเถ้าแก่ได้เพียงนี้หยางเอ้อหลางจูงมือภรรยาตามเถ้าแก่เข้ามาในห้องรับรองห้องหนึ่งแยกจากห้องโถงรวมเพียงเข้ามาในห้องนี้เสียงด้านนอกที่ดังจอแจโหวกเหวกพลันเงียบสนิทองค์หญิงสิบสามมองไปรอบๆภายในห้องอบอุ่นและตกแต่งอย่างงดงามอีกทั้งยังสะอาดเรียบร้อย"ท่านพี่ที่นี่เหมือนห้องพักในโรงเตี๊ยมมากกว่าเป็นเหลาน้ำชา" นางเอ่ยเบาๆ เมื่อเถ้าแก่ส่งพวกเขาแล้วหยางเอ้อหลางก็ไม่ได้สั่งสิ่งใดเพียงแต่พยักหน้าคนผู้นั้นก็ออกจากห้องทันที "ข้ามีบางสิ่งต้องการให้ท่านเห็น"เขาเอ่ยพลางเดินไปที่เตียงนอนองค์หญิงสิบสามเดินตามสามีมาพบว่าด้านข้างเตียงถูกประดับด้วยเครื่องปั้นสลักลายผลทับทิมงดงามนักหยางเอ้อหลางใช้สองมือหมุนเครื่องปั้
นางลูบแขนที่ขาวผ่องของเขาเบาๆ ราวกับเป็นหยกล้ำค่า ที่สำคัญหากขายของคนต้องเห็นใบหน้าหล่อๆ ของเขาอีกมาก หากมีสตรีใจกล้าหน้าด้านมาทำให้นางปวดหัวคงลำบากน่าดู ครั้นคิดถึงว่าต้องแบ่งเขาให้ผู้อื่นเชยชมแล้วก็รู้สึกขัดใจยิ่ง ค้าขายเช่นนี้แม้ได้กำไรในตัวเงินแต่นางย่อมขาดทุนในเรื่องสามีดังนั้นเลิกคิดตอนนี้จะดีกว่าหยางเอ้อหลางยิ้มแล้วเอ่ยว่า"หมินเออร์อยากให้ข้าทำอาชีพใดเล่า" หยางเอ้อหลางเอ่ยอย่างเอาใจภรรยา"ไม่ต้องทำอันใด"นางขมวดคิ้วทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้วเสียงดัง"หืม ไม่ต้องแล้วหรือ" เขามองท่าทางน่ารักของนางพร้อมกับยีศีรษะนางเบาๆ"ท่านพี่ ข้าว่าเราหาที่เหมาะ ๆ แล้วเอาเงินไปฝังดินหลีกเลี่ยงทางการดีหรือไม่ป้องกันไว้ก่อนย่อมเป็นการดี หากฝังดินแล้วเราก็สามารถเอาสมบัติมาใช้ในภายหลังได้"องค์หญิงสิบสามหัวเราะอย่างมีความสุข สมบัติของเขามีมากต้องเริ่มหาที่ทางที่ปลอดภัยเพื่อจัดการแล้วหยางเอ้อหลางหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก นางคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอกและฝ่าบาทจะทรงพระทัยดำกับสกุลหยางเพียงนี้หรือ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า"หมินเออร์ท่านแต่งให้ข้า ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้าไม่มีทางให้ลำบ
อาชิงคิดว่าตนเองคงชี้แนะได้เพียงเท่านี้ นางกินให้เขาดูเป็นตัวอย่างพร้อมกับเป็นฝ่ายป้อนหมั่นโถวให้กับองครักษ์ฝาน เขาผู้นั้นไม่ขัดข้องอ้าปากกินอย่างว่าง่ายแต่ว่าอาชิงมองว่าเขาช่างดูไร้วิญญาณชะมัดปากอวบอิ่มของอาชิงที่อ้าปากกินหมั่นโถวนั่นยั่วยวนเกินไปแล้ว นิ้วมือเล็กๆ ที่เขาบังเอิญได้สัมผัสเมื่อยามนางป้อนเขาอ่อนนุ่มจนเขาไม่อยากปล่อยยิ่งนางงดงามยิ่งนางใสซื่อองครักษ์ฝานยิ่งเจ็บปวด เขาชอบทุกสิ่งที่เป็นนางแล้วจะให้เขาปล่อยวางได้อย่างไรคนผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไร องอาจเพียงใดจึงทำให้อาชิงต้องตาต้องใจได้เพียงนั้น จู่ๆ องครักษ์ฝานก็อยากเห็นหน้าคนผู้นั้นนัก"ท่านอย่าบอกว่าวันนี้ยอมตื่นเช้าเพียงเพื่อมาต่อแถวซื้อหมั่นโถวนี่หรอกนะ"หยางเอ้อเอ่ยถามพลางยื่นมือไปรับถุงหมั่นโถวจากภรรยาพร้อมกับล้วงเจ้าก้อนกลมสีขาวนุ่มนิ่มออกมา ก่อนจะเป่าหมั่นโถวเบาๆ ไล่ความร้อนออกไปจนอุ่นดีแล้วจึงป้อนให้องค์หญิงสิบสาม นางอ้าปากรับพร้อมกินอย่างมีความสุข เมื่อชิมรสชาติของหมั่นโถวที่สามีทั้งเป่าทั้งป้อนให้จนหมดไปทั้งลูกแล้วจึงเอ่ยว่า"ไม่ใช่เท่านี้เพียงแต่ว่าข้าเห็นว่าหากท่านออกจากราชการแล้วเราควรค้าขายดีหรือไม่ ข้าว