ฉันนั่งอยู่ด้านหลังของเมลลี่ มือทั้งสองข้างกำลังขยับไปมาเพื่อถักเปียผมทั้งสองข้างให้แก่ลูกสาว ไม่อยากยอมรับเท่าไหร่นักแต่ในตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีลูกสาวที่น่ารักราวกับตุ๊กตาอีกด้วย เรือนผมสีแดงของเมลลี่มันโดดเด่นมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าของอิไล พ่อของเมลลี่มาก่อนแต่ในนิยายบรรยายเอาไว้ว่าเขาหล่อมาก ดูท่าว่าเขาคงจะหล่อเหลามากจริงๆ นั่นแหละลูกสาวของเราทั้งสองคนถึงได้น่ารักและฉายแววความสวยงามมากขนาดนี้“สีผมของลูกนั้นมันงดงามมากๆ เลยนะเมลลี่”เมื่อได้ยินเช่นนั้นเด็กน้อยก็ฉีกยิ้มกว้างจนอวดฟันขาว“ลูกอยากจะมีเส้นผมสีเหมือนท่านแม่มากกว่า..”มือของโรวีนากำลังกอบกุมใบหน้าของลูกสาวเอาไว้“ลูกงดงามมากเมลลี่ สตรีทุกคนล้วนแล้วแต่มีความงดงามในแบบฉบับของตัวเอง ลูกไม่จำเป็นต้องอยากเหมือนแม่มากขนาดนั้นก็ได้ ลูกสวยและน่ารักในแบบของตัวเองอยู่แล้ว ขาดแค่ความมั่นใจเท่านั้นเอง เป็นเลดี้จะต้องยืดหลังตรงและอยู่ในท่วงท่าที่สง่างาม..”ฉันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องการเป็นชั้นสูงมากนัก เพราะแบบนั้นเพื่อที่จะสอนเมลลี่ให้รู้จักกับมารยาททางสังคม ช่วงเวลาในยามกลางคืน ฉันถึงต้องอ่านหนังสื
“โรวีนา ซารังต์? บอกหน่อยว่าเราไม่ได้อ่านชื่อของสตรีที่อยู่ในใบทะเบียนสมรสนี่ผิด”ฟลอยด์ส่งยิ้มให้แก่ท่านอาของเขา หรือองค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแห่งนี้“ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะแต่งงานกับโรวีนาจริงๆ”องค์จักรพรรดิคาลิโซมองไปที่จักรพรรดินีของพระองค์ที่กำลังยกแก้วน้ำชาขึ้นมาดื่มด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ใครๆต่างก็ล่วงรู้ถึงชื่อเสียงของสตรีที่ฉาวโฉ่แห่งยุค“ชาล็อต หลานชายของเจ้ากำลังจะแต่งงานใหม่นะ ฟลอยด์กำลังจะแต่งงานกับ..เคาน์เตสซารังต์”จักรพรรดินีชาล็อตวางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะ พระนางมองหน้าของหลานชายก่อนจะหยักยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เขาแตกต่างจากเมื่อหกปีก่อนมากทีเดียว ในตอนที่เขามาร้องขอแก่เธอ เพื่อให้เธอพระราชทานสมรสให้แก่เขาและเบลินดาการแต่งงานในครั้งนี้ดูท่าว่าจะไม่ได้เกิดจากความรักอย่างนั้นสินะ..อีกทั้งฟลอยด์เองก็อายุสามสิบแล้ว เขามีสิทธิ์เลือกคู่ชีวิตของตัวเองได้เต็มที่“โรวีนาถือเป็นสาวงามที่งดงามมากที่สุดจนได้ฉายาว่าเป็นดอกไม้แห่งแดนใต้ เลือกได้ดีนี่ฟลอยด์”มุมปากของฟลอยด์กดลึกเป็นรอยยิ้ม“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ..”เมื่อจักรพรรดินีกล่าวเช่นนั้นแล้วองค์จักรพรรดิยังจะทำเช่นไรได้อีก นอกจ
ที่เงียบไม่ใช่เพราะว่าฉันหวาดกลัวแต่มันเป็นเพราะว่าฉันกำลังคิดคำด่าหมอนี่ต่างหาก ในขณะที่ฉันกำลังจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ป้าเพื่อพ่นคำหยาบคาย ที่เจโรมจะไม่มีวันจินตนาการถึง อยู่ๆ ก็มีมือมาจับเข้าที่ไหล่ของฉันเพื่อดึงรั้งให้ฉันเดินถอยไปข้างหลัง ริมฝีปากที่กำลังเผยอออกมาเพื่อที่จะสบถด่าปิดลงในทันทีพร้อมกับความปลื้มปีติที่ท่วมท้นในหัวใจนี่ฉันกำลังคิดไปเองรึเปล่าเรื่องที่ว่าท่านดยุคกำลังปกป้องฉันเอาไว้ คิดไปเองรึเปล่าว่าเขากำลังกันฉันให้ออกห่างจากเจโรม“แหม สนิทสนมกันไวจังนะครับ ทั้งๆ ที่พึ่งจะพบเจอกันครั้งแรกตอนที่อยู่ที่งานเลี้ยงของตระกูลเวลลิงตันแท้ๆ แสดงความเป็นเจ้าของไวจังเลยนะครับ”ฟลอยด์หรี่ตามองหน้าของเจโรม เขายกมือขึ้นพร้อมกับกับกางเอกสารใบสำคัญการสมรสของเขาและโรวีนาให้เจโรมดู ในนั้นมีการลงนามของเขาและโรวีนา อีกทั้งยังมีตราประทับขององค์จักรพรรดิอีกต่างหาก“นางมิใช่เคาน์เตสแล้วเจโรมแต่โรวีนาคือดัชเชสต่างหาก ดัชเชสแห่งฮาสคลาว”ความอ่อนหวานเข้ากอบกุมหัวใจของฉันในทันที ราวกับโลกใบนี้กำลังหยุดหมุนเลย เหมือนหยาดฝนที่ชุ่มฉ่ำกำลังตกลงมาในหัวใจที่แห้งแล้ง หัวใจของฉันกำลังเต้นผิดจังหวะอย่างไม
แววตาของฟลอยด์กำลังจับจ้องไปที่โรวีนา..เธอกำลังตักอาหารหลายอย่างใส่จานของลูกชายเขา แต่ทว่าโรวีนาก็ไม่ลืมตักอาหารชนิดเดียวกันใส่จานของลูกสาวเธอด้วย บนใบหน้าแสนงดงามนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวานที่ระบายออกมา“รู้ใช่ไหมว่าเด็กที่ดีควรทำยังไง รีบๆ ทานอาหารให้เยอะๆ เพื่อที่จะได้โตไวๆ ยังไงล่ะ”เมลลี่ยกยิ้มพร้อมกับมองหน้าท่านแม่ของนางอย่างไม่คลาดสายตา เด็กน้อยผู้นั้นไม่เห็นมีร่องรอยจากการถูกทำร้ายเลย นางดูปกติมากๆ และความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกก็ดีมากด้วย เขาคิดว่าวันนี้จะรู้สึกกระอักกระอ่วนจนอาหารไม่ย่อยซะอีก แต่กลายเป็นว่าอาหารมื้อนี้ไม่ได้แย่เท่าที่คิดเอาไว้อีกทั้งคาเรนทานมื้อเย็นได้มากกว่าในยามปกติอีกด้วย“ข้าเองก็อยากจะโตเร็วๆ ..”ฉันพยายามห้ามใจตัวเองแล้วไม่ให้ยกมือนี่ไปลูบผมของคาเรน แต่มันอดใจไม่ไหวจริงๆโรวีนาลูบผมของคาเรนด้วยความรู้สึกเอ็นดู หากทำได้เธออยากอุ้มเจ้าเด็กแก้มพองนี่ขึ้นมาหอมซักฟอด ถ้าเธอทำแบบนั้นท่านดยุคได้มองตาเขียวอย่างแน่นอน เรายังไม่สนิทสนมกันมากขนาดนั้น เธอไม่ควรล้ำเส้นมากเกินไป“ข้าเองก็เหมือนกันค่ะท่านแม่..ข้าจะรีบโตไวๆ เหมือนกัน”ข้าจะปกป้องท่านแม่จากทุกสิ่งทุกอย่าง
“เรื่องนั้นไม่ใช่แค่ข่าวลือนะคะ ในตอนนั้นข้าก็อยู่ที่งานแต่งด้วย ท่านเบลินดาสีหน้าไม่ดีเลยถึงแม้ว่าจะอยู่ในงานแต่งของตัวเองก็ตาม”อารีเอนเล่าเรื่องในงานแต่งครั้งที่แล้วของท่านดยุคและเลดี้เบลินดาให้โรวีนาได้ฟัง“เช่นนั้นแล้ว..ใครกันคะที่กล้าลงมือกับดัชเชสแห่งฮาสคลาว อำนาจของท่านดยุคก็มีไม่น้อยเลยนี่คะ”ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อารีเอนถึงพาตัวเองมาที่คฤหาสน์ตระกูลซารังต์..ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่ซื่อบื้อเช่นเคาน์เตสโรวีนา แต่ทว่าพอกลับไปถึงบ้านก็นึกขึ้นได้ว่าในงานแต่งงานครั้งที่แล้วของท่านดยุคมีเรื่องแปลกประหลาดเต็มไปหมด“นั่นสินะคะ คนที่ทำก็คือคนที่จะต้องมีอำนาจมากกว่าท่านดยุคถูกต้องไหมคะท่านเคาน์เตส..”คนที่มีอำนาจมากกว่าท่านดยุคอย่างนั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นองค์หญิง?“ฉันอยากจะบอกกับเลดี้มาตั้งนานแล้ว..เลดี้สามารถเรียกชื่อของฉันแทนยศได้นะคะ”โรวีนากล่าวพร้อมกับส่งยิ้มให้แก่อารีเอน เธอไม่มีเพื่อนมาก่อนเลย ทั้งเธอและทั้งโรวีนาคนเก่า เราทั้งสองคนคือพวกอินโทเวิส หรือว่ายังไงกันนะ ถึงไม่ค่อยคิดอยากจะเข้าสังคม มันก็เลยทำให้เราไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียวในสายตาของโรวีนา เ
“แต่งงานใหม่อย่างนั้นหรือคะ? ฟลอยด์เนี่ยนะจะแต่งงานใหม่”เบลินดาเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหูเมื่อสาวใช้ของเธอบอกกล่าวข่าวลือที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ดยุคฮาสคลาวด์กำลังจะแต่งงานใหม่ และสตรีที่เขาจะแต่งงานด้วยคือเคาน์เตสโรวีนา ซารังต์..เรื่องความงดงามเธอไม่เถียงอยู่แล้ว เพราะในเมืองหลวงแห่งนี้เคาน์เตสผู้นั้นงดงามที่สุด แต่เรื่องฐานะทางสังคม นิสัยใจคอ และข่าวลืออีกมากมายนั่นทำให้ในหัวของเบลินดาเต็มไปด้วยคำถามเขาไปสนใจสตรีที่มีดีแค่ความงามผู้นั้นได้อย่างไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย..“อยากให้พี่เสนอฎีกาคัดค้านการแต่งงานนี้รึเปล่า เพราะถึงอย่างไรน้องก็คือมารดาของคาเรน..น้องมีสิทธิ์ในการคัดค้านงานแต่งใหม่ของท่านดยุคอยู่แล้ว”บาทีอัสนั่งลงข้างๆ น้องสาวที่ทำท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา เขาเข้าใจความรู้สึกของเบลินดาดีว่านางคงจะเจ็บปวด น้องสาวของเขาหลงรักท่านดยุคมากแค่ไหนเรื่องนั้นเราต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ที่มีการหย่าร้างกัน ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานานถึงห้าปี แต่เบลินดาไม่เคยลืมท่านดยุคเลยแม้แต่นิดเดียว“ไม่ค่ะ ข้าไม่ต้องยื่นหนังสือคัดค้านเพื่อทำให้ท่านดยุครู้สึกไม่ดีกับข้า แต่ข้า
แววตาของเมลลี่สลดลงเล็กน้อยเมื่อเธอคิดถึงตรงนี้ อันที่จริงเธอนั้นมีทั้งท่านพ่อและท่านแม่เพียงแต่พวกท่านไม่ค่อยแสดงความรักต่อเธอเท่านั้นเองท่านพ่อที่ต่อว่าด่าทอว่าเธอคือตัวซวย และท่านแม่ที่ทุบตีเธอด้วยความเจ็บปวดในทุกครั้ง..เมลลี่ยื่นมือไปแตะสัมผัสลงบนใบหน้าของท่านแม่“ท่านแม่คะ..ท่านแม่ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่รึเปล่า”คำถามนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่โรวีนาเป็นอย่างมาก“เจ็บสิลูกรัก แม่เจ็บปวดแทบทุกครั้งที่เห็นหน้าลูกเลย มันคือความรู้สึกผิดที่กำลังกัดกินหัวใจของแม่ หากว่าแม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้แม่จะไม่มีวันทำร้ายลูกเช่นนั้นอย่างแน่นอน..แม่ขอโทษนะเมล..แม่ไม่ควรทำสิ่งที่เลวร้ายพวกนั้นกับลูกเลย”เมลลี่ขบเม้มริมฝีปากแน่น เด็กน้อยที่เคยแตกสลายมานับครั้งไม่ถ้วนเพราะถูกบิดาและมารดาทำร้าย ในยามนี้เธอกำลังเกิดใหม่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของมารดา..“ข้าไม่เคยโกรธหรือว่าเกลียดชังท่านแม่เลยนะคะ”นั่นแหละที่มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม พ่อแม่คือโลกทั้งใบของลูก แต่โลกทั้งใบของเมลลี่มันหมองหม่นเพราะพ่อและแม่ที่แม่งโคตรจะเฮงซวยเลย พวกเขาไม่รักกันนั่นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย ไม่รักกันก็ไม่เป็นไ
ราวกับร่างกายของเธอกำลังร่วงหล่นลงไปสู่ห้วงเหวที่ไร้ก้นบึ้ง ความหอมหวานที่ไม่เคยคาดคิดและจินตนาการมาก่อนในชีวิตมันกำลังเกิดขึ้นมาเธอแค่คิดว่าจุมพิตนี้คงทำให้เบลินดานั่งไม่ติดพื้นและทำให้องค์หญิงริโอนาทานข้าวไม่อร่อยไปสักสามวันแต่เธอลืมคิดไปว่าจุมพิตนี้ก็กำลังทำให้เธอรู้สึกเจียนตายเหมือนกัน หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ปลายนิ้วเลื่อนไล้ไปตามลำคอในขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงแนบชิด ต่างฝ่ายต่างดูดริมฝีปากของอีกฝ่ายทั้งยังเปลี่ยนมุมเพื่อให้ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น มันคือจูบที่เริ่มต้นช้าๆ และค่อยๆ เร่าร้อนมากยิ่งขึ้นฟลอยด์แน่ใจว่าเขาไม่ชอบการสัมผัสร่างกายของสตรีอย่างแน่นอน ชีวิตของเขานั้นมักจะเกิดเรื่องยุ่งๆ ขึ้นมาเพราะสตรี เช่นนั้นแล้วเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่ความใกล้ชิด แต่ทว่าในยามที่โรวีนาร้องขอจุมพิตจากเขานั้น เขากลับไม่มีความลังเลใดๆ อยู่เลย เขารู้ว่าเธอกำลังต้องการทำสิ่งใด และจุมพิตนี้มันเอาไว้ใช้เพื่อตอบโต้เหล่าสตรีที่ตั้งใจจะทำร้ายเธอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงยินยอมส่งมอบจุมพิตให้เธอ ถึงแม้ว่าหัวใจของเขาจะรู้สึกประหม่ามากก็ตามทีการเริ่มจูบของเรามันเป็นไปอย่างเงอะงะ แต่เม
ดวงตาของริโอน่าสั่นไหวพอๆ กับมือทั้งสองข้างที่สั่นเทาไม่หยุด เธอยืนอยู่ที่ด้านหน้าห้องทำงานของเสด็จพ่อ ทั้งคู่มีปากเสียงที่รุนแรงมากเสียจนเธอที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินชัดเจนทั้งหมดเสด็จแม่กำลังจะหย่ากับเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ? ต้นเหตุมาจากเธอเนี่ยนะ?ขณะที่ใบหน้าของริโอนากำลังชา ประตูห้องทำงานของเสด็จพ่อก็เปิดออก เสด็จแม่เดินออกมาและสายพระเนตรของพระองค์กำลังจ้องมองหน้าเธออยู่“ได้ยินหมดแล้วอย่างนั้นสินะ หากว่าครั้งนี้ลูกไม่ยินยอมรามือ แม่จะออกไปจากที่นี่จริงๆ นะริโอนา ฟลอยด์ควรจะมีชีวิตดีๆ ได้แล้ว ที่ผ่านมาลูกยังทรมานเขาไม่พอรึไง?”เธออ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะออกมา“ลูกนั้นหรือทรมานท่านพี่ฟลอยด์ ลูกทำไปเพราะความรักนะเพคะเสด็จแม่ หากไม่ให้ลูกรักท่านพี่ เช่นนั้นเสด็จแม่ควรจะเอ่ยห้ามตั้งแต่แรกสิ ทรงทำท่าทางเห็นดีเห็นงามด้วยทำไม ในตอนที่เสด็จพ่อเลือกฟลอยด์มาเป็นสามีของลูกน่ะ..”จักรพรรดินีชาล็อตแค่นหัวเราะ“เช่นนั้นแม่จะทำให้ลูกรู้สึกถึง..ความรักที่แม่มีต่อลูกบ้างดีไหมริโอนา แม่จะส่งอัศวินของพระราชวังเข้าไปในห้องนอนของลูก ให้เขาหยิบจับและพยายามขโมยข้าวของส่วนตัวขององค์หญิงไปขายที่งานประมูล หลัง
“เจ้าควรจะต้องขอบคุณที่ข้าหาเจ้าเจอก่อนคนของฮาสคลาวนะ..เอาล่ะเคาน์ซารังต์ เรามาพูดคุยกันสักหน่อยเป็นไง”อิไลไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคาน์เวลลิงตันต้องการอะไรจากเขากันแน่ เขากำลังนั่งรถม้าเพื่อเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงแต่กลับถูกชายผู้นี้จับตัวมาอย่างเสียมารยาท“ที่ท่านจับตัวข้าและภรรยามา เพราะว่าท่านต้องการพูดคุยกับข้าอย่างนั้นหรือครับ? อันที่จริงท่านควรจะส่งบัตรเชิญไปให้ข้าน่าจะดีกว่าการกระทำที่ไร้มารยาทเช่นนี้”เจโรมหรี่ตามองหน้าของอิไล เขาไม่ชอบพูดคุยกับคนโง่เท่าไหร่นักเพราะว่ามันเปลืองเวลา แต่ทว่าอิไลนั้นอาจจะสามารถเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่เขาจะสามารถนำไปวางเอาไว้ที่ด้านหน้าคฤหาสน์ฮาสคลาวได้“เจ้าจะตายอิไล..ตอนนี้ทั้งทหารของ ฮาสคลาวและทหารของแมทสันกำลังไล่ล่าตัวเจ้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่พวกเขาจะฆ่าเจ้าปิดปาก..เจ้าจะไม่มีปากได้พูดอวดดีเช่นนี้อีกเลยด้วยซ้ำ หากว่าข้าไม่พาเจ้ามาที่นี่..ไม่ต้องขอบคุณก็ได้แค่เค้นความฉลาดของเจ้าออกมาหน่อย เพราะเรื่องที่ข้าจะพูดออกมานี้มันจำเป็นต้องใช้สมองนิดหน่อย..”อิไลถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินที่เจโรมกล่าว หมายความว่าท่าน ดยุคแมทสันรู้แล้วสินะว่าเขาเป็นคนเอาเงิ
บางสิ่งในอกรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆแผ่ซ่าน ฉันมองแผ่นหลังของเขาในขณะที่ฟลอยด์กำลังกอบกุมมือของฉันเอาไว้เพื่อพาฉันเดินกลับเข้าไปในงาน เขาไม่พูดอะไรแต่ท่าทีที่เขาแสดงออกมานั้นมันเหมือนกับว่าเขาไม่พอใจที่ฉันอยู่กับท่านลอร์ดแห่งเวนสันหรือว่าฟลอยด์จะหึงงั้นเหรอ? ไหนบอกว่าเราไม่ควรรักกันยังไงล่ะ แล้วทำไมเขาถึงได้แสดงท่าทีที่ไม่ปกติเช่นนี้ออกมากันนะ หรือว่าเพราะเราอยู่ในฐานะของสามี ภรรยา เขาจึงต้องการความสมจริงอย่างงั้นเหรอ?“อย่าออกไป..คุยกับบุรุษอื่นโดยที่ไม่มีผมอยู่ตรงนั้นอีกนะครับ..ผมไม่ใช่คนใจกว้างอะไร อีกทั้งอาจจะมีข่าวลือแปลกๆ เกิดขึ้นมาก็ได้..ชื่อเสียงของฮาสคลาวมันคือสิ่งที่คุณเองควรจะรักษาเอาไว้”บ้าชะมัด นี่เขาโมโหจนพูดอะไรออกมากันเนี่ย เขาแค่ไม่อยากให้เธอไปคุยกับบุรุษอื่น ไม่ว่าจะที่ไหนหรือว่าเมื่อไหร่ เขาไม่อยากให้โรวีนาห่างหายไปจากสายตาของเขาเลย..อ่า..ที่แท้ท่านดยุคก็ไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของฮาสคลาวเสื่อเสียอย่างนั้นเองสินะ เป็นเธอเองที่คิดมากเกินไป ดันไปเผลอเข้าข้างตัวเองซะได้“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของฮาสคลาวเสื่อมเสียอย่างแน่นอน..ขอโทษด้วยนะคะ"ฟลอยด์ไม่
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้โอกาสมาพูดคุยกับพี่ชายของเลดี้เบลินดา ภรรยาเก่าของท่านดยุคและเป็นมารดาของคาเรน“ข้ารู้ครับว่าตัวเองกำลังรบกวนท่านดัชเชส แต่ว่าเบลินดาสุขภาพแย่มาตั้งแต่ตอนที่นางเป็นเด็ก และมันแย่ลงหนักมากยิ่งขึ้นเมื่อนางคลอดคาเรนออกมา เบลินดานั้นรักลูกชายของนางจากใจจริงๆ แต่ทว่าท่านดยุคกลับไม่ยินยอมให้เบลินดาและคาเรนได้พบหน้ากัน น้องสาวของข้าเก็บตัวเงียบที่คฤหาสน์ นางไม่ออกงานมานานมากๆ แล้วครับ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะตั้งใจจัดงานขึ้นมาเพื่อหักหน้าท่านดัชเชส แต่เบลินดาไม่ได้คิดร้ายต่อท่านอย่างแน่นอน ช่วยไปพบเจอนางสักครั้งได้ไหมครับ ช่วยรับฟังคำขอของน้องสาวข้าสักครั้ง..ถือซะว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็ได้..”เราอยู่ในสวนด้านหน้าของคฤหาสน์ฮาสคลาว เพราะท่านลอร์ดดูเหมือนว่าจะต้องการพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว และเธอเองก็พอเดาได้ว่าเขาต้องการร้องขอเรื่องใดกับเธอ คราแรกโรวีนาคิดว่าท่านลอร์ดจะร้องขอให้เธอพาคาเรนไปพบเบลินดาซะอีก แต่ทว่ามันเหนือการคาดหมายเล็กน้อยตรงที่สตรีผู้นั้นร้องขอเพื่อให้ได้พบเธอ..“เรื่องนั้น..มันไม่นับว่าเป็นการรบกวนอะไรเลยค่ะ เพียงแต่ท่านล
ถึงแม้ว่าเบลินดาจะอยากไปที่งานเลี้ยงของตระกูลฮาสคลาวมากแค่ไหนก็ตามที แต่ทว่าการไปร่วมงานเลี้ยงของสามีเก่าที่กำลังจะแต่งงานกับภรรยาใหม่นั้นดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก เธอนั่งลงบนโซฟาก่อนจะยกมือขึ้นมาภาวนาด้วยมือที่สั่นเทา“ท่านพี่..ขัดขวางไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือคะ ทำไมกำหนดการแต่งงานของท่านดยุคและเคาน์เตสซารังต์ยังคงอยู่เหมือนเดิม..”น้ำเสียงที่เบลินดาเอ่ยถามพี่ชายของเธอนั้นมันสั่นเทาไปหมด ในยามนี้บาทีอัสกำลังมองหน้าน้องสาวของเขาด้วยแววตารู้สึกผิดก่อนหน้านี้เขาได้มีการพูดคุยกับท่านเคาน์เวลลิงตันเรื่องแผนการที่จะทำให้เคาน์เตสซารังต์และดยุคฮาสคลาวยกเลิกงานแต่ง คือให้เขาไปลักพาตัวของเคาน์เตสซารังต์มา หลังจากนั้นให้เขาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองและสตรีผู้นั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เพียงแค่ได้ฟังแผนการของท่านเคาน์ก็ทำให้เขารู้สึกผิดในแบบที่แทบรับตัวเองไม่ได้“ลินดา..เจ้าและท่านดยุคหย่ากันไปตั้งนานแล้วนะ เรื่องราวความรักของเจ้าและท่านดยุคมันจบลงไปนานหลายปีแล้ว เจ้าไม่ควร..ยึดติดอะไรขนาดนั้น..ปล่อยวางมันบางเถอะน้องรัก เจ้ายังมีพี่อยู่นะ..”หยาดน้ำตาของเบลินดารินไหลลงมาอาบแก้ม เธอมองพี่ชายด้ว
ทั้งๆ ที่ก่อนที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ ท่านดยุคและโรวีนากำลังพูดคุยกันอย่างออกรสแท้ๆ แต่ทว่าเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนี้บรรยากาศในห้องกลับแตกต่างออกไป“ขอบคุณท่านดยุคมากนะครับ ที่เดินทางมาร่วมงานที่น่ายินดีของผมและโรวีนา..ท่านเดินทางมาไกล พักให้หายเหนื่อยหลายๆ เดือนก่อนก็ได้ครับแล้วค่อยเดินทางกลับ..ทางฮาสคลาวยินดีต้อนรับท่านอยู่แล้วครับ ทั้งคาเรนและเมลลี่เองก็คงจะดีใจมากแน่ๆ ที่ท่านตาของพวกเขาพักอยู่ที่นี่นานหน่อย”คราแรกดยุคแมทสันตั้งใจว่าเขาจะแกล้งทำหน้าตึงใส่ว่าที่ลูกเขยสักหน่อย แต่ทว่าดยุคฮาสคลาวกลับกล่าวในสิ่งที่เขาอยากได้ยินอยู่พอดี“เรื่องนั้นขอบคุณดยุคฮาสคลาวมากนะครับ..ข้ารู้ว่าข้าไม่สามารถขัดขวางงานแต่งนี้ของโรวีนาได้เพราะว่าองค์จักรพรรดิได้ลงนามในหนังสือสมรสเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อยากให้โรวี่เลือกสามีผิดเป็นครั้งที่สองหรอกนะครับ..”ฟลอยด์ยื่นมือไปจับมือของโรวีนาเอาไว้ เขาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะมองหน้าท่านดยุคด้วยแววตาที่ไร้ซึ่งความหวั่นเกรง“เรื่องนั้นท่านดยุคแมทสันไม่ต้องเป็นกังวลเพราะว่าผมจะดูแลโรวีนาให้ดีที่สุดเท่าที่บุรุษผู้หนึ่งจะสามารถกระทำได้..ไม่มีอะไรจะต้องเป
ดยุคแมทสันวางคาเรนลงบนโซฟา มือของเขานั้นจับมือของเมลลี่และคาเรนเอาไว้อย่างแนบแน่นแต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเขาส่งกล่องของขวัญเล็กๆ ให้แก่เมลลี่และคาเรนคนละหนึ่งกล่อง“เพราะว่าตาไม่เคยพบเจอหลานๆ มาก่อน เพราะแบบนั้นตาจึงไม่รู้ว่าหลานๆ ชอบอะไร นี่คือของขวัญแรกพบชิ้นแรกที่ตาจะให้หลานทั้งสองคนนะ”เขาสืบเรื่องของบุตรชายท่านดยุคมาล่วงหน้า และก็พบว่าคาเรนเป็นเด็กน่าสงสารมากจริงๆ เด็กคนนี้ไม่มีท่านตาหรือว่าท่านยายมาก่อน และถึงแม้ว่าเราทั้งสองคนจะไม่ได้มีสายเลือดใดๆ ร่วมกันเลยก็ตาม แต่โรวีนาบอกกล่าวกับเขาผ่านทางจดหมายว่านางยินดีรับคาเรนเป็นลูกชาย ด้วยเหตุนั้นเองไม่ว่าเราจะมีสายเลือดเดียวกันหรือว่าไม่มี เขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะรับคาเรนเป็นหลานชายคาเรนไม่เคยได้รับของขวัญจากคนอื่นมาก่อนเลย เขามองหน้าของท่านพี่เมลลี่ก็พบว่าท่านพี่กำลังยิ้มแย้มด้วยความดีใจ พร้อมกับลูบหลังของเขาเบาๆ“เรามีท่านตาแล้วนะคาเรน..มาเปิดกล่องของขวัญของท่านตาออกพร้อมกันเลยดีไหม?”คาเรนพยักหน้า หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแบบไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เขารู้มาพักหนึ่งแล้วว่าการมีท่านแม่และพี่สาวมันดีมากๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะสามารถท
คำถามนั้นของเขา พาให้รู้สึกสั่นไหวจนควบคุมสีหน้าไม่ได้เลย เธอชอบที่เขาเป็นคนทำ และชอบท่านี้มากทีเดียวเพราะมันทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน.. “ก็ต้องชอบ..ที่ท่านเป็นคนทำอยู่แล้วค่ะ” เมื่อได้คำตอบตามที่หัวใจต้องการจะได้ยิน ฟลอยด์ก็แสยะยิ้มออกมา เขาดึงปลายนิ้วที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานสีใสออกมา ก่อนจะกดแทรกแก่นกายของเขาเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ ยามที่กดแทรกส่วนนั้นเข้าไป ช่องทางรักของเธอที่ทั้งเปียกเยิ้มและลื่นก็ทำให้มันเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายๆ เขากัดกรามแน่ เอวสอบแอ่นตอกอันแรงๆ หลายครั้งติดๆ กันราวกับเขากำลังเก็บเกี่ยวความรู้สึกที่แสนงดงามนั้นเข้ามาในจิตใต้สำนึกและความทรงจำของเขา ปลายเท้าพลันเขย่งลอยขึ้นมา เมื่อเขากระทำรุนแรงในแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว “อะ..อ๊า!..ดะ..เดี๋ยวก่อนค่ะ อื้อ!..ฟลอยด์..” ถึงแม้ว่าเธอจะร้องห้ามแต่ร่างกายกับตอบสนองแบบตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ความรุนแรงพวกนั้นของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความสุขสมที่เหนือคำบรรยาย เธอชื่นชอบในทุกอย่างที่เป็นฟลอยด์ ไม่ว่าเขาจะทำรุนแรงมากแค่ไหนมันก็กลายเป็นความสุขให้เธออยู่ดี เขายกขาของเธอขึ้นมา มือ
มีคำถามมากมายก่อตัวขึ้นมาในใจ ว่าคนเรานั้นจะสามารถตกหลุมรักคนคนหนึ่งได้มากมายขนาดไหนกันนะ คำถามนั้นฉันกำลังเฝ้าถามตัวเองในยามนี้ว่าคำตอบของคำถามนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่นะ ฉันกำลังตกหลุมรักชายที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้านี้อีกครั้งหนึ่งโดยที่ตัวเองนั้นไม่มีหนทางใดๆ มาโต้แย้งหรือว่าตอบโต้เขาเลย ฉันได้แต่ยินยอมจมลงไปในห้วงแห่งความหลงใหลอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทางขัดขืน เขาเดินเข้ามาใกล้เธอก่อนจะจับเธอให้หันหลังมาให้เขา ปลายนิ้วของฟลอยด์กำลังถอดกระดุมเสื้อที่ด้านหลังของเธออย่างแผ่วเบามากที่สุด โรวีนาในยามที่เธอเปียกปอนไปด้วยน้ำ นั้นดูน่าหลงใหลในแบบที่เขาละสายตาออกไปจากใบหน้านั้นไม่ได้เลย เขาได้แต่เทิดทูนและบูชาเธอในใจ พร้อมกับอุ้มเธอวิ่งขึ้นมาในห้องนี้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้มีใครหน้าไหนมองเห็นเธอในยามที่เธอเย้ายวนใจมากที่สุด ใจจริงเขาอยากจะสั่งให้ข้ารับใช้ทุกคนหลับตาลงในขณะที่เขาพาโรวีนาก้าวเดินผ่านไป เขาไม่อยากให้ใครจดจำใบหน้านี้เอาไว้..อยากเก็บซ่อนเพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนมองเห็นเธอ เขาคงบ้าไปแล้ว..ฟลอยด์คิดว่าตัวเขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ กับอา