พระสนมเหยากลัวว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์อยู่แต่ในโถงใหญ่แล้วเบื่อ จึงพานางไปเดินเล่นรอบบริเวณหลังจากเดินทะลุผ่านตำหนักไท่เวยแล้วเดินต่อไป มีสวนภูเขาจำลองและป่าดอกเหมยและเป็นสถานที่ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์รักษาอาการปวดหัวให้ตงฟางหลีในครั้งก่อนฉินเหยี่ยนเย่ว์ดูเหมือนจะจำได้เล็กน้อย มองป่าดอกเหมยราวเมฆาจากระยะไกล
พระสนมเหยาได้ยินน้ำเสียงโกรธเคืองท่าทีกระด้างกระเดื่องของเจ้าอ้วนน้อยพลันยิ้มเย้ยหยันนางพับแขนเสื้อขึ้นอย่างเงียบ ๆตลอดหลายปีมานี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแก่ผู้อื่น นางจึงใช้ชีวิตสันโดษ และไม่สนใจเรื่องทางโลกคิดไม่ถึงว่าจะโดนเด็กเกเรคนหนึ่งปีนเกลียว!“ให้? ให้ตบบ้องหูของเจ้าสักสองสามฉากได้หรือไม่?”
ฝ่ามือที่ฝาดลงไปทรงพลังอย่างยิ่งตอนถูกตบหน้านั้นเจ็บเจียนตายหัวที่กระเทือนจากแรงตบทำให้เขาเวียนหัว อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น“นี่ นี่มิใช่พระสนมเหยาหรือ?”ขณะที่พระสนมเหยากำลังจะเตรียมสอนบทเรียนแก่เจ้าอ้วนน้อย ก็มีเสียงของคนสูงวัยดังขึ้นมา“พระองค์กำลังทำอันใด? สอนบทเรียนให้เด็กบ้านข้า
พระสนมเหยาเอ่ยย้อนเสียดสี “ในฐานะที่ท่านเป็นสมาชิกในครอบครัวของหวงกุ้ยเฟย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนจำเป็นต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำ พวกท่านปล่อยให้เจ้าอ้วนน้อยคนนี้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อย หรือว่าไม่เคยเห็นฝ่าบาทในสายตา?”“ท่าน! พูดจาเหลวไหล!” ฮูหยินกั๋วกงมู่ใช้ชีวิตมาจนชราเช่นนี
ราวกับเป็นคำสาปแช่งใส่พวกเขาฮูหยินเหมียวกลัวว่าจะไปยั่วยุอะไรที่ไม่สมควรยั่วยุ พลันส่งเสียงถอนหายใจ “หากเจ้าอยากจะถลกหนัง แมวป่ามีมากมายให้ถลกหนังได้ตามใจชอบเลย จำต้องจับแมวดำตัวนี้ด้วยหรือ?”“ท่านแม่ ที่นี่ในรั้วในวัง มีเรื่องมากมิสู้มีเรื่องน้อย ท่านสงบสติอารมณ์โกรธเถิด พวกเรามาพูดคุยกันดี ๆ กับพ
“พระชายาอ๋องเจ็ด หลานของข้ายังเด็กอยู่ โปรดยั้งมือไว้ด้วย” ฮูหยินกั๋วกงมู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งเร้านางอยากจะเดินไปหาเจ้าอ้วนน้อย ทว่าพระสนมเหยาขวางทางนางพร้อมยิ้มแสยะฮูหยินกั๋วกงมู่โกรธจัด “พระสนมเหยา ชีวิตคนมีความสำคัญยิ่ง พระองค์โปรดหลีกทางด้วย หากเกิดอะไรขึ้นกับหลานชายของข้า...”“นั่นคือสิ่งที่
พวกเขาเห็นเพียงแมวของพระสนมเหยาข่วนฮูหยินเหมียว และฮูหยินกั๋วกงมู่ร้องขอความเมตตาอย่างร้อนใจเหลือแสนพระชายาอ๋องเจ็ดเดินเข้าไปหาซื่อจื่อน้อยของกั๋วกงมู่พร้อมกับตะบันไฟในมือ มีวงประทัดพวงห้อยอยู่รอบคอของซื่อจื่อน้อยเห็นได้ชัดอย่างมากว่า พระชายาอ๋องเจ็ดกำลังจะจุดประทัดทุกคนล้วนสบตากันวันนี้เป็นตรุษ
“โหดร้ายเกินไปแล้ว ซื่อจื่อน้อยคงจะกลัวแย่แล้ว”“ไม่ต้องพูดถึงเด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็รับไม่ไหวหรอก”“โชคดีที่อานุภาพของประทัดนี้มิได้รุนแรงขนาดนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นประทัดลูกใหญ่กว่านี้ เกรงว่าเด็กคนนี้จะตายไปแล้ว”หลังจากทุกคนหายจากอาการตระหนกตกใจแล้ว ก็เริ่มพูดคุยเซ็งแซ่“ถึงอานุภาพจะไม่มากก็ทำเช่นนี
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได