พวกเขาเห็นเพียงแมวของพระสนมเหยาข่วนฮูหยินเหมียว และฮูหยินกั๋วกงมู่ร้องขอความเมตตาอย่างร้อนใจเหลือแสนพระชายาอ๋องเจ็ดเดินเข้าไปหาซื่อจื่อน้อยของกั๋วกงมู่พร้อมกับตะบันไฟในมือ มีวงประทัดพวงห้อยอยู่รอบคอของซื่อจื่อน้อยเห็นได้ชัดอย่างมากว่า พระชายาอ๋องเจ็ดกำลังจะจุดประทัดทุกคนล้วนสบตากันวันนี้เป็นตรุษ
“โหดร้ายเกินไปแล้ว ซื่อจื่อน้อยคงจะกลัวแย่แล้ว”“ไม่ต้องพูดถึงเด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่ก็รับไม่ไหวหรอก”“โชคดีที่อานุภาพของประทัดนี้มิได้รุนแรงขนาดนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นประทัดลูกใหญ่กว่านี้ เกรงว่าเด็กคนนี้จะตายไปแล้ว”หลังจากทุกคนหายจากอาการตระหนกตกใจแล้ว ก็เริ่มพูดคุยเซ็งแซ่“ถึงอานุภาพจะไม่มากก็ทำเช่นนี
ทุกคนไม่พะว้าพะวังใด ๆ และวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่กันอีกพักหนึ่งพวกเขาต่างก็รับรองด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม สนทนาพาทีถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไม่มีดีสักอย่างฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่สนใจการสนทนาของพวกเขานางอุ้มเฮยตั้นที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา และปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนหลังเฮยตั้นได้รับบาดเจ็บ มันก็
“ป่าเถื่อนหรือ? ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ” พระสนมเหยาเอ่ยเย็นชาราบเรียบ “นี่จะนับเป็นอะไรได้? สิ่งที่ข้าทำกับพวกท่านยังเทียบไม่ได้ในหนึ่งส่วนของสิ่งที่เหยี่ยนเย่ว์เพิ่งประสบมาเลย”“พระองค์!” ฮูหยินนางนั้นกัดฟันแน่น“ข้าทำไมหรือ?”“พระสนมเหยา ในฐานะพระองค์เป็นพระสนมในฮ่องเต้ จะทำเรื่องไม่ดีไม่งามอย่างหญิง
คนผู้นั้นที่มักเอ่ยวาจาชั่วร้ายซึ่ง ๆ หน้ายิ้มเย้ยหยัน “แน่นอนว่าให้นางได้ลิ้มรสประทัดเช่นกัน หากสิ่งนี้ตกลงไปบนตัวคน จะต้องตายไปครึ่งหนึ่ง หากไม่สอนบทเรียนสักเล็กน้อยเกรงว่าจะไม่จดจำไปอีกนาน”“พวกท่านก็หมายถึงสิ่งนี้สินะ?” พระสนมเหยาถามทุกคนยังคงนิ่งเงียบ ยอมรับคำพูดนี้เงียบ ๆพระสนมเหยาพึงพอใจมาก
เดิมทีฮูหยินกั๋วกงมู่คิดว่าความคิดเห็นของมวลชนอยู่ข้างพวกเขา และยังคิดวาทศิลป์เรียบร้อยแล้วยามเผชิญหน้ากับพระพักตร์พระพันปีตราบใดที่คนส่วนใหญ่สนับสนุนนาง นางก็มีโอกาสที่จะชนะและลงโทษฉินเหยี่ยนเย่ว์กับพระสนมเหยาอย่างรุนแรงได้ใครจะรู้ คนเหล่านี้จะถูกเสี้ยมด้วยคำพูดไม่กี่คำของพระสนมเหยา!นางข่มอารมณ์
“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้” พระสนมเหยากล่าว “ถูกผิดล้วนรู้อยู่แก่ใจ เชื่อว่าในใจของพวกท่านทุกคนชั่งน้ำหนักได้แล้ว ควรพูดอะไรไม่ควรพูดอะไร ย่อมแยกแยะเองได้”นางพูดจบ ก็หันไปหาฮูหยินกั๋วกงมู่และฮูหยินเหมียวที่มีใบหน้าซีดเผือด “ข้าแนะนำพวกท่านนะ หากมีเวลาโต้เถียงกับเราที่นี่ มิสู้รีบพาเจ้าอ้วนน้อยบ้านท่าน
ดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงสะอาดและกระจ่างใสจนเห็นก้นบึ้งความบริสุทธิ์ระดับนั้นมิใช่สิ่งที่สามารถแสร้งทำได้อย่างแน่นอนพระสนมเหยาขมวดคิ้วงุนงงวิธีการลงโทษเจ้าอ้วนน้อยเมื่อครู่นี้ มิใช่สิ่งที่เหยี่ยนเย่ว์ผู้มีดวงตากระจ่างใสจะทำออกมาได้แน่นอนทว่าเหยี่ยนเย่ว์ก็ลงโทษเจ้าอ้วนน้อยด้วยท่าทีวางอำนาจบาง
หลังจากเพลิงไหม้เล็กลง ในที่สุดชื่อเจี้ยนก็กระโดดผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ มาถึงเบื้องหน้าพระสนมเหยาได้“พระสนมเหยา ท่านไม่เป็นอะไรกระมังเพคะ?”ชื่อเจี้ยนตบแก้มพระสนมเหยา “ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ท่านรีบตื่นสิเพคะ อย่าทำให้หม่อมฉันตกใจสิ”พระสนมเหยาสูดควันไฟเข้าไปมากเกิน ความร้อนและเขม่าควันไฟจึงไปทำร้ายปอ
เนื่องจากเป็นช่วงฤดูเหมันต์ อากาศจึงแห้งแล้งอีกทั้งห้องนี้ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้ เปลวไฟจึงลุกลามได้ง่ายที่สุดเปลวไฟเริ่มลุกขึ้นจากในห้องนอน ผ่านการกลืนกินมาเป็นเวลานานเช่นนี้ ได้ลามมาถึงเรือนนอกนานแล้ว เรือนนอกก็กลายเป็นทะเลเพลิงไปด้วยเช่นกันตัวคนอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่ คล้ายกับเป็นมดที่ถ
ทว่าความเป็นจริงคือ พวกเด็ก ๆ ขนปุยไม่ร้องแม้แต่คำเดียว แม้กระทั่งเฮยตั้นที่ฉลาดที่สุดก็ยังไม่เห็นเงาเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าเด็ก ๆ ขนปุยทั้งหมดจะจากไปความเป็นไปได้มากที่สุดคือ พวกมันยังอยู่ในเรือนนอก และเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ พวกมันจึงไม่อาจส่งเสียงร้อง และไม่อาจหลบหนีได้“เหยี่ยนเย่ว์ ข้าไม่ไปห้องที
“โฮก...”“ปัง!”สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงกระแทกผนัง ยังมีเสียงคำรามอย่างดุดัน“โก่วตั้นรึ?” ยามที่พระสนมเหยาได้ยินเสียงนี้ พลันนิ่งงันไปชั่วขณะ ตามมาด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่งนางลืมไปได้อย่างไร!ต้าโก่วตั้นและเสี่ยวโก่วตั้นถูกเลี้ยงอยู่ที่ลานด้านหลังนั้นเองลานด้านหลังเชื่อมต่อกับเรือนของนาง ช่างบังเ
ลำคอของนางพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ไอออกมาอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ใบหน้าไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง“แย่แล้ว” พระสนมเหยาตบที่ศีรษะ“เจ้าอยู่ในนี้นาน เกรงว่าจะกระทบไปถึงปอดแล้ว” ขณะที่นางพูดนั้น ก็ได้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำจนเปียกชุ่ม “นี่ ใช้สิ่งนี้ปิดปากไว้เสีย พวกเรารีบออกไปกันเถิด”“เห็นผีจริง ๆ หรือ? ข้าเพียง
ผีเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพจิตใจของการถูกขังอยู่ที่นี่ โดยไม่ต้องกินดื่มหรือขับถ่าย หรือแม้กระทั่งไม่ต้องพักผ่อน ความรู้สึกเช่นนั้นแปลกประหลาดมากเพียงใด!มีนับครั้งไม่ถ้วน ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว ร่างกายในยามนี้ถูกวิญญาณอื่นเข้าสิงอยู่ และนางก็ได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนตัวหนึ่งยิ่งเวลาผ
หลังจากแหวนเรืองแสงออกมาแล้ว แสงสว่างก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็จางหายไปทว่าในเวลานั้นเอง ภายในแหวนประหลาดวงนั้นด้านในโรงพยาบาล ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่สภาพเป็นปกติได้รับแรงกระแทกจากแหวน คุกเข่าอยู่บนพื้น ตอบสนองไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน“บ้าจริง ล้มเหลวอีกแล้ว” นางถอนหายใจยาวเหยียดนับตั้งแต่ช่วงเวลา
ระยะทางจากตำหนักพระสนมเหยากับตำหนักไท่เวยค่อนข้างไกลกันตอนที่กลับมาถึงตำหนักนั้น ผมของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้แข็งตัว ปอยผมค้างเติ่งอยู่บนศีรษะเป็นกระจุก ๆจากที่ที่หนาวเย็นมาถึงห้องที่อบอุ่น น้ำแข็งที่ยังไม่ทันได้จับตัวเป็นดีก็ละลาย น้ำจึงได้ไหลตามใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ลงมา“เฮ้อ เวรกรรม” พระสนมเหยา
เนื่องจากตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น คนที่สนใจทางฝั่งนี้มีไม่มากกอปรกับปกติมู่เหยี่ยมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง แทบจะล่วงเกินทุกคนในวังไปแล้วรอบหนึ่งดังนั้น จึงไม่มีคนคิดเล็กคิดน้อยว่ามู่เหยี่ยหกล้มได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีคนไล่ตามสืบว่าน้ำสกปรกบนตัวของมู่เหยี่ยมาจากอะไรเว้นแต่เด็ก ๆ พวกนั้นหลังจากมู่เหยี่ย