“ท่าน” หมิ่นจูเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเดิมนางคิดว่าเอ่ยถึงเรื่องเฟิ่งซีผู้มีจิตใจดี จะสามารถทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกพะว้าพะวังขึ้นมาได้บ้างทว่าคาดไม่ถึงเลยว่า จู่ ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์จะโมโหขึ้นมากระทั่งใบหน้ายังฉีกทิ้ง“คนตายถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่...ยิ่งไปกว่านั้นเป็นมารดาของท่านที่คาดหวังว่าท่านมีความ
วิธีการไอนี้ ไม่ปกติ!เริ่มตั้งแต่เดินเข้ามา หมิ่นจูผู้นี้ก็กำลังไอตอนแรกนางยังคิดว่าเป็นเพียงการไอจากลมหนาวทั่วไปเท่านั้น จึงมิได้ให้ความสำคัญทว่า หมิ่นจูไอจนตัวงอเช่นนี้ ราวกับกุ้งที่งอตัวอย่างไรอย่างนั้น เหมือนกับว่ากำลังจะไอเอาปอดทั้งอันออกมาไอรุนแรงเช่นนี้ ทั้งยังไอเป็นเลือด นี่มิใช่การไอแบบ
สีหน้าหมิ่นจูเปลี่ยนไปเล็กน้อยแป้งชาดที่ติดบนใบหน้าร่วงกราวลงมาเมื่อไร้แป้งชาดคอยปกปิด รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่เผยออกมา ทำให้ดูแก่ชรากว่าอายุจริงหลายปี“พระชายาอ๋องเจ็ดอาจจะไม่ทราบ อายุขัยของคนเรามิอาจทำนายได้ ทำได้เพียงทำนายโชคของคนเท่านั้น”อายุขัยสวรรค์เป็นผู้กำหนด เป็นความลับสวรรค์แม้จะเป็นนาง
เขาชอบสิ่งนั้นมาก จึงเล่นกับมันอยู่ตลอดเวลาครั้นได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ถึงรู้สึกว่าการกระทำนี้ออกจะตระหนี่ไปบ้าง จึงรีบส่งหน้าหากอนามัยที่เหลือกลับคืน “พระชายาอ๋องเจ็ด คืนให้ท่าน...”“ท่านเก็บไว้เถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ข้าแนะนำว่า ขอเพียงเข้าใกล้ฮูหยินจู ต้องสวมหน้ากากอนามัย เข้าใกล้ครั้
โรควัณโรคนี้ เส้นทางหลักของการแพร่เชื้อคือการติดเชื้อทางละอองฝอยหากน้ำลายที่หมิ่นจูไอจนกระเซ็นออกมามีเชื้อแบคทีเรียวัณโรค ครั้นองค์ชายหกปรากฏตัวในห้องของหมิ่นจูบ่อยครั้ง โอกาสที่เขาจะติดเชื้อค่อนข้างสูงในยุคนี้การป่วยเป็นโรคเช่นนี้ ถือเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้หมิ่นจูรักองค์ชายหกจริง ๆ หากอ
“คนที่เก่งกาจมักมีปัญหาทางใจอยู่บ้าง เช่น จีอู๋เยียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าใจในเรื่องนี้มากไป๋หลินยวนเองก็เช่นเดียวกัน“ถ้ามีโอกาสข้าจะให้เจ้าได้พบพวกเขา” ตงฟางหลีกล่าว“ช่างเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปวดหัวมาก จีอู๋เยียนและไป๋หลินยวนเป็นคนวิปริตสองคนก็รับมือพอแล้ว นางไม่อยากรู้จักคนที่เป็นภาวะโพรงสมองคั่ง
แววตาของตงฟางหลีเป็นประกายเขาได้ระบุตัวผู้ต้องสงสัยไว้นานแล้ว ก็แค่ยังไม่พบหลักฐานเท่านั้นเองยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของผู้ต้องสงสัยยังไม่ธรมดาสามัญอีกด้วยหากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาย่อมไม่สามารถบุ่มบ่ามได้ตงฟางหลีคว้ามือนางไว้หลังจากที่อยู่ท่ามกลางลมหนาวมาเป็นเวลานาน นิ้วของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็เย็นย
ม้วนกระดาษนั้นออกสีเหลือง และด้ามไม้ก็มีจุดกระด่างกระดำกลิ่นเหม็นเน่าบนร่างของจีอู๋เยียนไม่ใช่ว่ามาจากม้วนกระดาษนี้บนกระดาษม้วนนี้มีกลิ่นไม้อ่อน ๆ คิดว่าถูกเก็บไว้ในกล่องก่อนที่จีอู๋เยียนจะหยิบมาทว่าถึงจะเก็บอยู่ในกล่องแต่ก็ยังกระด่างกระดำจนกลายเป็นเช่นนี้ ระยะเวลาของกระดาษม้วนนี้ก็น่าจะนานมากแล
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได