“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ