ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งงันตงฟางหลีเคยถามนางหลายครั้งแล้วจริง ๆตอนที่เขาถามนั้น ระหว่างพวกเขาสองคนยังไม่ทันได้มีความรู้สึกที่ตรงกันตอนนั้น ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไร หากไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ร่ำไป ก็พูดออกไปโดยไม่คิดว่าจะทำให้ตนเองอับอายหรือไม่อย่างไรเสียก็มิอาจจริงใจต่อกันได้ ถ้อยคำที่กล่าวออกมาก็เลย
เขากุมมือของนาง “ยัยหนู นี่เจ้า...จำได้แล้ว?”“บอกไปแล้วว่าเป็นความฝัน หม่อมฉันในยามนั้นฝันเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวอย่างกรุ่นโกรธ “ตอนที่หม่อมฉันกับท่านไม่ชอบหน้ากัน หลังจากฝันเช่นนั้นแล้ว คิดไปว่าเป็นสิ่งที่ใจคิด จึงเก็บไปฝัน ด้วยคิดว่าหม่อมฉันเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านกับซูเตี่ยนฉิง ยังรู้สึกขยะ
“หม่อมฉันมิได้ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลืนขนมลงไป “หม่อมฉันรู้สึกว่าขุนนางใหญ่คนนั้นโดนหลอกเพคะ”“จะว่าไป ตู้จ้งได้ให้กำเนิดบุตรกับสตรีคนสนิทหน้าตางดงามเหล่านั้นบ้างหรือไม่?”“พี่ชายกระหม่อมยังรักษาตนเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ บางครั้งกระทั่งมือของสตรียังไม่เคยจับมาก่อน จะมีลูกได้อย่า
“อ้อ? วีรบุรุษช่วยสาวงามหรือ?”ใบหน้าช่างปักเสิ่นแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม “พวกเรามาที่เมืองเหวินจิงเป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและพื้นที่ จึงถูกคนหลอกเอาเงินไป บ่าวกับบุตรสาวเกือบจะถูกเอาตัวไปขาย เป็นพี่ใหญ่ตู้เห็นว่าไม่ยุติธรรมจึงเข้าช่วยเหลือพวกเรา พอเขารู้ว่าบ่าวปักผ้าเป็น ยังแนะนำโรงปักให้บ่าวทำงาน
“เพคะ” ช่างปักเสิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “เช่นนั้น บ่าวขอตัว”นางยอบกาย แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว“ช้าก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เรียกรั้งนางไว้“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากถามเจ้า วิธีที่เจ้าปฐมพยาบาลให้คุณหนูรองซูเมื่อครู่ เป็นผู้ใดที่สอนเจ้า?”ช่างปักเสิ่นชะงักเล็กน้อย “เป็นแม่ของข้าเองเพคะ”“แล้วแม
นางมักรู้สึกว่ามีจุดที่ผิดปกติ ทว่าหาไม่พบว่าผิดปกติตรงที่ใดขณะที่กำลังคิดหนัก ตงฟางหลีเดินเข้ามาเขาเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งอยู่บนโต๊ะหน้านิ่วคิ้วขมวด พลันเลิกคิ้วขึ้น “เป็นอะไรไปหรือ? ถ้าไม่ชอบช่างปักคนนั้น เราก็เปลี่ยนคนเสีย”“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตอบ “มานี่เร็ว มาเร็ว หม่อมฉันมีเรื่องต้องบ
มีประกายวาววับในดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในตอนที่ชายชรายังหนุ่ม เขามีพรสวรรค์และหน้าตาดีมาก มิรู้ว่าสตรีเช่นใดที่สามาถต้องตาเขาได้“โอ้?” ตงฟางหลีเลิกคิ้วขึ้น “นักพรตเต๋าเทียนหลิงมีคู่จริง ๆ หรือ?”“ก็บอกแล้วว่าเขาไม่ได้ละทางโลก อย่างน้อยก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ละทางโลก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หม่อมฉันได้
หลังจากที่ได้พบกับฮูหยินซูแล้ว ถึงได้รู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าดอกบัวขาวง่วงนอนยิ่งนักนางขี้เกียจเกินกว่าจะคิดอีก สติตกสู่ห้วงสับสนวุ่นวายไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าใด นางตื่นขึ้นจากความง่วงงุนณ เวลานี้ เลยเที่ยงวันไปแล้วช่วงบ่ายในฤดูหนาวจะสั้นมาก ประมาณห้าโมงก็เริ่มมืดแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่กล้าโอ้เอ้
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได