ยาที่เขาทำขึ้นมานั้น จึงจะสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จได้สูงสุด“ข้าจะไปกับเจ้า” ตงฟางหลีขมวดคิ้วเจ้าสิบรับอาจารย์เมื่อใด?เรื่องนี้ เขาไม่รู้เรื่อง!“ไม่ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย“อาจารย์ของเจ้าสิบเป็นคนวิปริตคนหนึ่ง เป็นคนวิปริตในหมู่คนวิปริต หากมีคนนอกเข้าใกล้ เขาไม่
สีหน้าของตงฟางหลีเผยความไม่พอใจฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ ยกมือลูบระหว่างคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขา“หม่อมฉันรู้ว่าท่านไม่อาจให้อภัยเขาได้ ทว่า เรื่องที่ผ่านมาก็คืออดีต จะก้าวข้ามไปไม่ได้เลยหากยึดติดอยู่กับอดีต”“หม่อมฉันเองก็ไม่ได้ให้ท่านไปด้วยกันกับหม่อมฉัน หม่อมฉันแค่บอกกล่าวท่านเท่านั้น มีเรื่องที
เขาขยับมือไปมาเรื่อย ๆไม่นานนัก ก็ทำเป็นปมออกมาสมใจ“ใจสองใจประกบกัน อิจฉาเพียงนกยวนยางหาได้คิดชื่นชมเทพเซียน ดูสิ แฝงความหมายดี ยัยหนู ให้เจ้า”“หม่อมฉันไม่ต้องการ”“เพราะเหตุใด?”“ไยท่านถึงมีคำถามมากมายเพียงนี้?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามขึ้นบ้าง“ถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน เช่นนั้นก็น่าเสียดาย” ตงฟางหลีอาลัย
“…” มุมปากและหน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกตุบนางเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มซุกซนของตงฟางหลี จึงตระหนักได้ว่านางถูกเขาแกล้งอีกแล้วถูกแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย“กลับไปคุกเข่าบนกาน้ำชาเสีย” นางกล่าวอย่างโกรธเคือง “คืนนี้ไสหัวไปนอนห้องอื่น”“เจ้าเต็มใจหรือ?”“เต็มใจ!”“เช่นนั้น ข้าจะเช
“เขาล่ะ?”“ท่านอ๋องออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว” เฟ่ยชุ่ยกล่าว “น่าจะไปประชุมเช้าเพคะ”“โอ้ใช่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพิ่งจำเรื่องประชุมเช้าได้นางใส่ขวดยาไว้ในแขนเสื้อ และส่งคนไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อเชิญหมอหลวงหลินหมอหลวงหลินกำลังกระวนกระวายใจเมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัว เขาจึงรีบมาหาทันที “พระชายาอ๋องเจ็ด ช่างเป็
“มีอะไรผิดปกติหรือ? ข้าเห็นพ้องแล้ว ทว่าไป๋หลินยวนจะเห็นพ้องหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยเสียงเย็นชา“หมอหลวงหลิน ท่านคิดว่า เป็นท่านที่โน้มน้าวไป๋หลินยวนได้ หรือว่าข้าทำได้”?หมอหลวงหลินนึกถึงนิสัยของไป๋หลินยวนขึ้นมา พลางถอนหายใจเงียบ ๆหากหลินยวนคุยด้วยง่าย ก็คงไม่ใช่ไป๋หลินยวนแล้
หากไม่ปกปิดไว้สักหน่อย จะส่งผลต่อรูปลักษณ์ของเจ้าสิบเอาได้ดอกบัวที่แกะสลักนี้อยู่บนหัว ปกปิดรอยแผลเป็นได้พอดีซึ่งดูมีเอกลักษณ์อยู่บ้าง“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านว่าดูดีหรือไม่?” ตงฟางอิงคว้ามือนางไว้“ดูดีทีเดียว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือเล็ก ๆ ของเขาแน่น และเดินไปข้างหน้า “พี่รองจื่อเล่า? เขาเป็นอย่างไรบ้าง?
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินเสียงของไป๋หลินยวน ร่างพลันสั่นสะท้านไม่รู้ตัวนางตบไหล่ตงฟางอิงและเด็กน้อย “พวกเจ้าสองคนไปเล่นกันเถอะ”“เฮะเฮะ พี่สะใภ้เจ็ด ท่านอยากจะอยู่กับอาจารย์ตามลำพังหรือ?” ตงฟางอิงไพร่มือไว้ข้างหลังเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย “ท่านอยากคบชู้?”“เหลวไหลอันใด?”“หากพี่เจ็ดรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องโก
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ