พระชายาเฉียนชะงักไปขณะหนึ่ง “หัวใจของข้าได้ตายไปแล้ว ไม่มีวันได้เจอกับคนที่ถูกใจได้อีก อีกอย่าง คนอย่างข้า...”“ท่านดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ข้าจำได้ว่าท่านใช้แซ่เซียว หลังจากนี้ข้าจะไม่เรียกท่านว่าพี่สะใภ้ใหญ่อีก ข้าจะเรียกท่านว่าพี่หญิงเซียว ท่านจะต้องจำเอาไว้ด้วยว่า ท่านมีตัวท่านเพียงคนเดียวไ
พวกเขาเห็นพระชายาเฉียนจากไปอย่างรีบร้อนหลังจากร้องไห้ยกใหญ่ โดยมีฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ข้างกายอยู่ตลอดเวลา อดมิได้ที่จะพูดคุยซุบซิบกันฉินเหยี่ยนเย่ว์ฟังเสียงพูดคุยกระซิบซาบเหล่านี้เข้าหูเป็นเพียงการพูดกันว่านางรังแกพระชายาเฉียนจนร้องไห้ ฝีมือชั่วร้าย ความประพฤติเลวทราม จิตใจชั่วร้ายนางหาได้สนใจไม
สีหน้าของหญิงสาวแต่งกายงดงามพลันแปรเปลี่ยนไป “ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอันใด?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางชามโจ๊กที่ดื่มจนหมดด้วยท่าทีใจเย็นไม่รีบร้อนเมื่อวางลงบนถาดแล้ว ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับที่มุมปากจากการกระทำอย่างต่อเนื่องนี้ ทั้งสง่างามและผ่อนคลาย ไร้ซึ่งความหยาบกระด้างแม้แต่น้อยนางมองนกยูงตรงหน้าด้วยสายตาราบเ
“เจ้าพูดอยู่คำเดียวว่าหญิงชนบท คนบ้านนอกไปหาเรื่องเจ้าหรือ? พวกนางแค่ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ที่ได้เกิดมาในครอบครัวธรรมดา อาศัยทำงานหนักเลี้ยงชีพ ทำงานอย่างระแวดระวัง เลี้ยงดูครอบครัวอย่างยากลำบาก”“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าเพียงแค่โชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ได้ ไม่เคยต้องซักผ้าทำ
สายตาของพระสนมเหยาทอดมองลงบนร่างของสตรีแต่งกายงดงาม “โอ้ นี่มิใช่คุณหนูของสกุลหลัวหรอกหรือ ข้าจำได้ว่าเจ้ามีนามว่าจิ่นซิ่วสินะ?”หลัวจิ่นซิ่วมิกล้าล่วงเกินพระสนมเหยา ยอบกายคารวะ “หลัวจิ่นซิ่วคารวะพระสนมเหยาเพคะ”พระสนมเหยาก็มิได้ให้นางลุกขึ้นยืนหลังจากถามคำถามนั้นแล้ว ก็ย้ายความสนใจมาอยู่ที่โจ๊กจา
หลัวจิ่นซิ่วไม่รู้ว่าพระสนมเหยากำลังกล่าวอันใดอยู่ ทั้งยังไม่กล้าโต้แย้ง ได้แต่ขานรับเท่านั้นพระสนมเหยากุมมือของหลัวจิ่นซิ่ว พลางยิ้มแย้มจนดวงตาโค้งลงหากัน “เพราะฉะนั้น ข้าคิดว่าการที่พระชายาอ๋องเจ็ดดื่มโจ๊กในชามจนหมดนั้นมิใช่ความหยาบคายแต่อย่างใด คุณหนูหลัวเจ้าสิ้นเปลืองอาหาร วิจารณ์ผู้อื่นตามอำเภ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ในมุม มองอย่างตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง“นี่ ท่านทำหรือ?” นางหันไปมองพระสนมเหยา“ล้อเล่นอันใดกัน?” พระสนมเหยาตักโจ๊กชามหนึ่งให้ตนเองเงียบ ๆ “หากข้าสามารถทำสิ่งเหเล่านี้ได้ ข้าก็คงเป็นเทพเซียนแล้ว”“เช่นนั้น เป็นเรื่องบังเอิญหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เชื่อในโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญเช
“นอกจากโจ๊กฝูหรงแล้ว ในถังโจ๊กอื่น ๆ หม่อมฉันล้วนใส่ของบางอย่างลงไปเล็กน้อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หาใช่ของที่มีพิษแต่อย่างใด เพียงแค่เป็นยาที่สามารถกระตุ้นการรับรสติชาติได้เท่านั้น หลังจากดื่มไปแล้วลิ้นก็จะชา มีเพียงดื่มโจ๊กฝูหรงเท่านั้นจึงจะสามารถบรรเทาลงได้ ของเช่นนั้นตรวจสอบไม่ได้ รอประมาณหนึ่งเ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได