ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“หออวิ๋นเซียวที่ใช้เก็บตำราอยู่ไม่ไกลจากตำหนักซีอวิ๋นเท่าใด หลังจากทานอาหารเสร็จ ข้าจะพาเจ้าไปดูแล้วกัน” ตงฟางหลีกังวลเล็กน้อยปีนั้น งูเพลิงแดงมาโผล่ในตำหนักของเสด็จแม่ เสด็จแม่ก็พบเจอกับเรื่องยากลำบากบัดนี้ งูตัวนี้ได้มาโผล่ที่ใต้เตียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์เขามีลางสังหรณ์เลวร้ายบางอย่าง“ไม่ต้องกังว
“แต่ว่า...” เฟยอิ่งลำบากใจเล็กน้อย“ถอยกลับไปเสีย”“อย่าทำเช่นนี้สิเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวอย่างไม่พอใจ “กว่าเฟยอิ่งจะเข้าวังมาได้ไม่ง่ายเลย เขาจะต้องมีเรื่องเร่งด่วนถึงได้มาหาท่าน ท่านไปจัดการธุระก่อนเถิดเพคะ”ตงฟางหลีสีหน้าไม่เต็มใจยิ่งไม่ง่ายเลยกว่าที่จะรอจนถึงวันครบรอบวันแต่งงานได้ ระหว่างทาง
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได