“แต่ว่า...” เฟยอิ่งลำบากใจเล็กน้อย“ถอยกลับไปเสีย”“อย่าทำเช่นนี้สิเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวอย่างไม่พอใจ “กว่าเฟยอิ่งจะเข้าวังมาได้ไม่ง่ายเลย เขาจะต้องมีเรื่องเร่งด่วนถึงได้มาหาท่าน ท่านไปจัดการธุระก่อนเถิดเพคะ”ตงฟางหลีสีหน้าไม่เต็มใจยิ่งไม่ง่ายเลยกว่าที่จะรอจนถึงวันครบรอบวันแต่งงานได้ ระหว่างทาง
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหรอก” มู่เหยี่ยแค่นฮึเสียงเย็นชา “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเรียนวิธีใช้พิษ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ จะต้องมีสักวัน เจ้าจะต้องตายอย่างเจ็บปวดภายใต้พิษของข้า”“อ้อ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์บีบเข็มพิษแน่น“ท่านกำลังเรียนวิธีวางยาพิษหรือ?”คนเลวไม่ว่าอย่างไรก็เลวอยู่ดี?“ไม่ได้หรืออย
ตำราที่นี่มีเยอะมาก และมีน้ำหนักหนักมากด้วยแรงของนางย่อมสามารถเขย่าชั้นตำราได้ ขอเพียงเขย่าชั้นตำรา ให้ตำราถล่มลงมา จะต้องทับฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ผอมบางและอ่อนแรงจนตายได้แน่นอน“ข้าแนะนำท่านยั้งมือเสียดีกว่า” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังขึ้นแผ่วเบา“ท่านไร้เหตุผลมากเพียงใดข้าเคยเห็นมาแล้ว ท่านเกลียดข้าม
บนข้อมือที่เดิมทีขาว สะอาด เรียบเนียนมาก ฉับพลันนั้นได้ปรากฎรอยมือสีเลือดรอยหนึ่งขึ้นตำแหน่งนั้น เป็นจุดที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เคยจับพอดีรอยมือสีเลือดนั้นกำลังขยายตัวกว้าง ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้กลายเป็นสีแดงไปเป็นแถบ“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้า!” ครั้นมู่เหยี่ยเห็นรอยมือสีเลือดขยายกว้างไปไม่หยุด ก็โกรธจนตื่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางของมู่เหยี่ยแล้วไม่คล้ายกับกำลังพูดโกหกทว่า ข้อมูลในตำราเหล่านี้ไม่มีจริง ๆในหออวิ๋นเซียวรวบรวมตำราแทบจะทั่วทั้งใต้หล้าไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหาไม่เจอแม้แต่เงาหากงูเพลิงแดงไม่ได้อยู่ในบันทึกที่เกี่ยวกับงูพิษ แล้วจะอยู่ที่ใด?นางค้นหาบริเวณโดยรอบอีกครั้งตำราที่เกี่ยวข้อกับงู
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สงสัยถึงความจริงของคำกล่าวนี้เล็กน้อยงูมักจะแพร่พันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง โดยวางไข่หรือไข่ฟักออกมาเป็นตัวกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ลูกงูโผล่ออกมาจากไข่งูความหมายของคำพูดมู่เยี่ยคือ งูเพลิงแดงสามารถเจาะเข้าไปในร่างกายมนุษย์ แพร่พันธุ์ในร่างกายมนุษย์ และฟักออกมาเป็นงูตัวเล็ก ๆ
“มู่เยี่ย ท่านรู้หรือไม่ว่าตำราที่บันทึกเรื่องไสยศาสตร์อยู่ที่ใด?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม“ตำราเหล่านั้นถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้ว ไม่สามารถหาพบได้ในหออวิ๋นเซียว” มู่เยี่ยเย้ยหยัน “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้าหยุดดิ้นรน และรอความตายแต่โดยดีเถอะ ในเมื่องูเพลิงแดงหาเจ้าพบแล้ว เจ้าหนีไม่พ้นแน่นอน”“ผู้ใดทำลาย?”“เรื่อง
ตงฟางหลีถูกมู่เยี่ยที่ตัวสูงใหญ่ชนเข้าอย่างแรง ไม่ทันได้ระวังตัวนางเป็นเหมือนสัตว์ป่า สองตาไม่มองทาง วิ่งตำซ้ายชนขวา และมีแนวโน้มที่จะชนคนล้มตงฟางหลีขยับตัวอย่างรวดเร็ว หลบหลีกว่องไวนุ่มนวล ก่อนจะเอ่ยตำหนิ “มู่เยี่ย เจ้าทำอะไรน่ะ?”ดูเหมือนมู่เยี่ยจะไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย เมินเขาและล้มลุกคลุกคลานห
“เจ้าพูดอยู่คำเดียวว่าหญิงชนบท คนบ้านนอกไปหาเรื่องเจ้าหรือ? พวกนางแค่ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ที่ได้เกิดมาในครอบครัวธรรมดา อาศัยทำงานหนักเลี้ยงชีพ ทำงานอย่างระแวดระวัง เลี้ยงดูครอบครัวอย่างยากลำบาก”“แล้วเจ้าล่ะ เจ้าเพียงแค่โชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ได้ ไม่เคยต้องซักผ้าทำ
สีหน้าของหญิงสาวแต่งกายงดงามพลันแปรเปลี่ยนไป “ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอันใด?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางชามโจ๊กที่ดื่มจนหมดด้วยท่าทีใจเย็นไม่รีบร้อนเมื่อวางลงบนถาดแล้ว ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับที่มุมปากจากการกระทำอย่างต่อเนื่องนี้ ทั้งสง่างามและผ่อนคลาย ไร้ซึ่งความหยาบกระด้างแม้แต่น้อยนางมองนกยูงตรงหน้าด้วยสายตาราบเ
พวกเขาเห็นพระชายาเฉียนจากไปอย่างรีบร้อนหลังจากร้องไห้ยกใหญ่ โดยมีฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนอยู่ข้างกายอยู่ตลอดเวลา อดมิได้ที่จะพูดคุยซุบซิบกันฉินเหยี่ยนเย่ว์ฟังเสียงพูดคุยกระซิบซาบเหล่านี้เข้าหูเป็นเพียงการพูดกันว่านางรังแกพระชายาเฉียนจนร้องไห้ ฝีมือชั่วร้าย ความประพฤติเลวทราม จิตใจชั่วร้ายนางหาได้สนใจไม
พระชายาเฉียนชะงักไปขณะหนึ่ง “หัวใจของข้าได้ตายไปแล้ว ไม่มีวันได้เจอกับคนที่ถูกใจได้อีก อีกอย่าง คนอย่างข้า...”“ท่านดีมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ข้าจำได้ว่าท่านใช้แซ่เซียว หลังจากนี้ข้าจะไม่เรียกท่านว่าพี่สะใภ้ใหญ่อีก ข้าจะเรียกท่านว่าพี่หญิงเซียว ท่านจะต้องจำเอาไว้ด้วยว่า ท่านมีตัวท่านเพียงคนเดียวไ
หากจากไปแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอีก“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม “ข้าอยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ระยะนี้ท่านได้ไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่ ขอแค่ท่านบอกข้าว่าเคยไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่เคยไป ก็เป็นการชดใช้น้ำใจคืนให้ข้าแล้ว”พระชายาเฉียนไม่พอใจ “เจ้าจะดูหมิ่นน้ำใจข้าเกินไปแล้ว”“ข้าเคยไปหออวิ๋นซี น่าจะทิ
“พระชายาอ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” พระชายาเฉียนกล่าว “พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับห่วงที่จองจำมานานหลายปีทั้งหมดได้หายไป ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”“นี่มิใช่ว่าข้าตั้งใจพูดถ้อยคำเหล่านี้มาทำให้เจ้าเบาใจลงหรอกนะ ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นคำพูดจากใจ ข้าใช้เวลากว่า
หลิวฉือมองเห็นสีหน้ารังเกียจของแมวดำ ก็อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาเขาวางมือสั่นเทาลงบนหัวของแมวดำ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นแมวที่พี่สาวของข้าเลี้ยงมาหรือ? พี่หญิง นางสบายดีหรือไม่?”ครั้นเอ่ยถ้อยเหล่านี้ เขาก็ต้องหัวเราะเย้ยหยันตนเองพี่หญิงเป็นพระสนมในวัง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องประดับหรือว่าอาหาร จะต้
ระยะนี้ซูจิ้นถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ทุก ๆ สองถึงสามวัน ด้วยต้องการให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งกับตงฟางหลี ซูเตี่ยนฉิงเองก็ไม่เสียดายเลยที่ต้องการลดฐานะตัวเองลงมาเป็นพระชายารองเพื่อเข้าประตูจวนอ๋องเจ็ดและในช่วงเวลาสำคัญนี้ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจ็ดก็ได้ว่างลงขอเพียงผู้ที่มีสมองก็สามารถคาดเดาได้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ขอ
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต