ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
เขาเอียงหัว “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านพบบุรุษคนใหม่ลับหลังพี่เจ็ดหรือ?”สายตาของพี่สะใภ้เจ็ด ไม่ค่อยดีนักบุรุษผู้นี้เยือกเย็น ดูแล้วน่ากลัวมากยังห่างไกลจากพี่เจ็ดมากแล้วก็สู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อย่าพูดเหลวไหล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “หรือว่าเจ้าไม่เห็นหมวกบนศีรษะของเขาหรือ?”“สาม
ไป๋หลินยวนมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นใบหน้านั้นเดิมทีเป็นของปลอม และท่าทีที่เขายิ้มก็ดูแปลกเล็กน้อยตงฟางอิงแอบสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด“พี่สะใภ้เจ็ด” มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “หมอหลวงผู้นี้แปลกมาก”“มิใช่ว่า
“ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงเดินไปข้างหน้าสีหน้าของนางเย็นชา “ท่านเป็นคนวิปริต จัดการกับเด็กคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? ปล่อยเจ้าสิบไปเสีย หากมีอะไรก็มาหาข้า”ไป๋หลินยวนยกตงฟางอิงขึ้น และจ้องมองเขาอย่างถี่ถ้วนอย่างไรก็ตามตงฟางอิงยังเป็นเด็ก เมื่อถูกคนวิปริตจ้องมองเหมือนจะเขมือบกินเ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้นคนวิปริตไร้คู่ต่อสู้ผู้นี้ต้องการรับเจ้าสิบเป็นศิษย์?ตงฟางอิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ร่างกายสั่นงันงกเขาไม่ต้องการกราบคนที่จะกินเด็กมาเป็นอาจารย์ไป๋หลินยวนบีบคางของตงฟางอิง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตั
“ไม่ได้”“แต่ว่า อาจารย์ของเจ้าเก้าหน้าตาดีมาก...”“ได้”“ถ้าเช่นนั้น ท่านช่วยสอนวิธีแต่งกายเป็นสตรีให้ข้าได้หรือไม่?”“ไม่ได้”“แต่อาจารย์ของเจ้าเก้าเป็นสตรี…”“เขาเป็นบุรุษ บุรุษปลอมตัวเป็นสตรี ถ้าเจ้าให้ข้าเลียนแบบเขา ข้าก็จะฆ่าเสี่ยวจีจวินและเจ้าเก้าในปากของเจ้าทิ้งเสีย เจ้าว่าดีหรือไม่?” ไป๋หลิ
“นางสิสมควรตาย ไม่ใช่ข้า พวกท่านจับคนผิดแล้ว”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้นเลือดสาดกระจายเต็มพื้น ย้อมทั้งห้องกลายเป็นสีแดงฉานนางล้มจมกองโลหิต ยืดคอไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนเสียชีวิตยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กระทั่งตายนางก็ยังไม่เข้าใจ เ
ปวดหัว!ปวดหัวหนักมาก!ปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว!ความเจ็บปวดที่น่าหวาดกลัวและไม่อาจควบคุมได้มาเยือนกะทันหันเช่นเดียวกับทหารเรือนพันม้าเรือนหมื่น พุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุเดือดมากจนไม่ทันได้โต้ตอบเลย“อ๊าก ทำไมกัน? หัวข้าปวดหัวเหลือเกิน”“เหตุใดถึงเป็นข้า?”“อ๊าก ปวด ปวดมากเลย”“ท่านน้า ช่วยข้าด้
“เสวี่ยเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก เพราะเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่มีวันได้พบกับฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกแล้วล่ะ” หมิ่นจูกล่าว “ข้าไม่สบาย เจ้ากินอาหารให้อิ่มท้องเถอะ”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่วางใจนางทุบประตูอย่างแรง “ท่านน้า ท่านน้า ท่านทำอีกครั้งเถอะ ถ้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ตายอีกเจ็ดแปดครั้งข้าก็ไม่พอใจหรอกนะ”หมิ่นจูหล
หลังจากที่หมิ่นจูดื่มชาครบสามแก้วรวด ก็หยิบเหรียญทองแดงสามเหรียญออกมาจากด้านในแขนเสื้อนางเห็นสัญลักษณ์การทำนายจากเหรียญ ดวงตาหรี่ลงเดินเตร่ร่ำไห้เป็นสายโลหิต ทรายเหลืองเต็มนภา และพลังชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นในชั้นดินลึก——เป็นคำทำนายที่ไม่ดีอย่างยิ่งยวดหมิ่นจูจ้องมองสัญลักษณ์นี้อยู่นานแม้ว่าเป
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา