“พระพันปีเป่าหมดสติ เข้าขั้นวิกฤต นี่คืออาการประชวรในปัจจุบันพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงหลินไม่รู้ว่านางหมายถึงอะไร“ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการคือการวินิจฉัยก่อนหน้านี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินมาที่ข้างเตียง และทำความเคารพฮ่องเต้ครั้นฮ่องเต้เห็นนางมาถึง คิ้วที่ขมวดแน่นก็ผ่อนคลายลงและเขาหลีกทางไปเองนิ้วของฉินเหย
สาลี่เป็นผลไม้ และก็เป็นยาจีนชนิดหนึ่งเมื่อเข้าสู่เส้นลมปราณของไตและปอด จะขจัดความร้อนและแก้เสมหะ ผลิตของเหลวทำให้ความแห้งกร้านชุ่มชื้น และมีประสิทธิภาพมากในการรักษาโรคกระหายน้ำจากการบอกเล่าของหมอหลวงและแม่นม ตลอดจนการวินิจฉัยของนาง เกือบจะยืนยันอาการป่วยของพระพันปีเป่าได้“พระชายาอ๋องเจ็ด” หมอหลว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รู้จักกันดี และโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตทว่า โรคเบาหวานอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้โรคแทรกซ้อนสิ ถึงจะเป็นกุญแจสู่ความตาย“พูดให้ถูกต้องก็คือ โรคของพระพันปีเป่าไม่ได้เรียกว่าโรคกระหายน้ำ แต่เรียกว่าโรคเบาหวาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “
“พวกแม่นมออกไปก่อนเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลงเรื่องนับจากนี้ นางไม่อยากให้คนที่ไม่มีความสำคัญเห็นเท่าใดนักบรรดาแม่นมต่างมองหน้ากัน“ออกไป” ฮ่องเต้ทรงตรัสเสียงเย็นชาครั้นตงฟางอิงเห็นคนออกไปหมดแล้ว ก็เม้มปากพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านต้องเชื่อข้านะ พระสนมเหยามิได้ทำเรื่องเช่นนั้นจริง ๆ ท่านต้อง
ฮ่องเต้ยังคงมิตรัสสิ่งใดบรรยากาศจึงดูมืดมนเดิมทีตงฟางอิงคิดจะแอบขอร้องเสด็จพ่อ ให้เสด็จพ่ออนุญาตให้พี่สะใภ้เจ็ดสอนวิชากลให้เขาครั้นเห็นเสด็จพ่อมีสีหน้าไม่สู้ดี และมีทีท่าจะลงโทษพระสนมเหยา ก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก รีบพูดขึ้นมา “เสด็จพ่อ พระสนมเหยาต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน ขอร้องท่านปล่อยพระสนมเหยาไปเถิดพ่
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า