“ท่านคิดไม่ผิดหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับมองความคิดของนางออก “อีกหนึ่งเค่อ ท่านก็จะเป็นเหมือนกับพี่สาวนางกำนัลผู้นี้ กลิ้งไปบนพื้นโดยมิสนภาพลักษณ์ ใบหน้าก็จักบวมจนดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คันไปทั้งตัว เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”“อ้อไม่สิ ไม่เหมือน ท่านถูกเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด
“ภูมิหลังของสนมหรงผู้นั้นคืออะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วป้าฉาไม่ใช่คนประเภทที่กลัวนั่นกลัวนี่ นางย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพระสนมหรงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสนมหรงผู้นั้นไม่ควรหาเรื่องด้วย“พระองค์รู้จักหอกิเลนหรือไม่?” ป้าฉาถามฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าสัตว์สัญลักษณ์ของราชวงศ
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต
เมื่อฮ่องเต้นึกถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้ชอบทำตัวกำเริบเสิบสานก็พิโรธมากวิธีการกระทำเรื่องต่าง ๆ ของนาง เสมือนเป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงอีกคนแม้กระทั่งบางเวลาจะทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านักพรตเต๋าเทียนหลิงไปอีกหลายส่วนด้วยซ้ำ“ไม่ไป นางรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่” ฮ่องเต้แค่นหัวเราะเสียงเย็น “จมูกของนางนั่
ขันทีหลานหน้าซีดเผือด เขาทำความเคารพ หมอบต่ำอยู่บนพื้น “กราบทูลฝ่าบาท มิใช่ว่าบ่าวมาตรงเวลา ทว่าบังเอิญบ่าวมีเรื่องสำคัญต้องรายงานพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ชู่” ฮ่องเต้เหลือบมองพระสนมอวิ๋นที่ยังคงนอนหลับอยู่ “เบาเสียงลงหน่อย”ขันทีหลานผู้ซึ่งส
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
“ท่านต้องการทำอะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงเดินไปข้างหน้าสีหน้าของนางเย็นชา “ท่านเป็นคนวิปริต จัดการกับเด็กคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้? ปล่อยเจ้าสิบไปเสีย หากมีอะไรก็มาหาข้า”ไป๋หลินยวนยกตงฟางอิงขึ้น และจ้องมองเขาอย่างถี่ถ้วนอย่างไรก็ตามตงฟางอิงยังเป็นเด็ก เมื่อถูกคนวิปริตจ้องมองเหมือนจะเขมือบกินเ
ไป๋หลินยวนมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันน่าเกรงขาม รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นใบหน้านั้นเดิมทีเป็นของปลอม และท่าทีที่เขายิ้มก็ดูแปลกเล็กน้อยตงฟางอิงแอบสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด“พี่สะใภ้เจ็ด” มือเล็ก ๆ ของเขาดึงแขนเสื้อของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “หมอหลวงผู้นี้แปลกมาก”“มิใช่ว่า
เขาเอียงหัว “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”“พี่สะใภ้เจ็ด ท่านพบบุรุษคนใหม่ลับหลังพี่เจ็ดหรือ?”สายตาของพี่สะใภ้เจ็ด ไม่ค่อยดีนักบุรุษผู้นี้เยือกเย็น ดูแล้วน่ากลัวมากยังห่างไกลจากพี่เจ็ดมากแล้วก็สู้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“อย่าพูดเหลวไหล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ็ดใส่ “หรือว่าเจ้าไม่เห็นหมวกบนศีรษะของเขาหรือ?”“สาม
ตงฟางอิงลูบจมูก เจ็บจนน้ำตาไหล “ทำไมตรงนี้ถึงมีกำแพงด้วย?”เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าผู้นั้นก็ตกตะลึงทันทีที่เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม เขาได้ปกป้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้อยู่ข้างหลังตน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเป็นใคร? เข้าวังมาได้อย่างไร? ท่านคิดจะทำอะไร?”“โอ้ วีรบุรุษ
“เจ้ายอมให้ข้าหนาวตาย แต่จะไม่ยอมช่วยข้าใช่หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดเสียงเบา“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่” ตงฟางอิงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงดูเหมือนเขาจะรวบรวมความกล้าไว้ให้มาก และในที่สุดก็หันหลังกลับมาราวกับกำลังเร่งรีบที่จะเข้าสู่สนามรบ มีรัศมีของไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างมากทีเดียวเขาเดินมาถึง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองการกระทำของตงฟางอิงผ่านฉากกั้นลม และรู้สึกตลกเล็กน้อยนางมีความคิดที่จะแกล้งเล่นอีก แสร้งทำเป็นว่าเท้าแพลง และยังส่งเสียงอุทานออกมาด้วย“แย่แล้ว เจ้าสิบ ข้าข้อเท้าแพลง เจ้ามาช่วยประคองข้าที”ตงฟางอิงหน้าแดงมากยิ่งขึ้น“ประคอง ประคองท่านน่ะหรือ? ข้า ข้าเป็นบุรุษนะ ท่านเป็นสตรี บุรุษ
ขันทีหลานหน้าซีดเผือด เขาทำความเคารพ หมอบต่ำอยู่บนพื้น “กราบทูลฝ่าบาท มิใช่ว่าบ่าวมาตรงเวลา ทว่าบังเอิญบ่าวมีเรื่องสำคัญต้องรายงานพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ชู่” ฮ่องเต้เหลือบมองพระสนมอวิ๋นที่ยังคงนอนหลับอยู่ “เบาเสียงลงหน่อย”ขันทีหลานผู้ซึ่งส
เมื่อฮ่องเต้นึกถึงฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้ชอบทำตัวกำเริบเสิบสานก็พิโรธมากวิธีการกระทำเรื่องต่าง ๆ ของนาง เสมือนเป็นนักพรตเต๋าเทียนหลิงอีกคนแม้กระทั่งบางเวลาจะทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งกว่านักพรตเต๋าเทียนหลิงไปอีกหลายส่วนด้วยซ้ำ“ไม่ไป นางรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่” ฮ่องเต้แค่นหัวเราะเสียงเย็น “จมูกของนางนั่
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต