หญิงชราทำแหวนของตัวเองหาย กลับถามนางว่าแหวนอยู่ที่ใด นี่ตรรกะใดกันเนี่ย!“หม่อมฉันมิได้ขโมยไป” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดอย่างเด็ดขาด “และหม่อมฉันก็มิรู้ว่าแหวนของพระพันปีอยู่ที่ใดด้วย”“ยังกล้าปากแข็งอยู่อีก” เมื่อพระพันปีเห็นท่าทางหัวแข็งของนาง จึงตะโกนเรียกคนด้านข้าง “ตบปาก ตบจนกว่านางจะยอมรับ”สีหน้าของ
ขันทีหลานขยับย้ายเก้าอี้มา แล้ววางไว้ข้าง ๆพระพันปีขมวดคิ้วพูดตามหลักเหตุผลแล้ว นางเป็นพระพันปี แม้ว่านางจะเป็นสตรี แต่ด้วยตำแหน่งเป็นพระพันปีอยู่นั้น ฮ่องเต้เองก็ควรจะให้นางนั่งข้างบนผู้ใดจะรู้ ฮ่องเต้เพียงให้คนย้ายเก้าอี้เท่านั้นนี่กำลังเตือนนางอย่างชัดเจนสีหน้าของนางดูคาดไม่ถึง และไม่ได้นั่ง
ตราบใดที่เนินเขาเขียวขจียังคงอยู่ ทุกสิ่งสามารถกลับมาได้อีกครั้งนางกัดฟันแน่น หยิบป้ายทองละเว้นโทษตายออกมาอย่างสั่นเทา ก่อนจะพูดด้วยเสียงกึกก้อง “ป้ายทองที่อดีตฮ่องเต้ทรงมอบให้อยู่ที่นี่แล้ว ยังไม่รีบถวายบังคมอีกรึ?”หลังจากที่ไท่เฟยฉางยกป้ายทองขึ้น สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่พลันเปลี่ยนไปโ
ไท่เฟยฉางยกป้ายทองของอดีตฮ่องเต้ขึ้น “พวกพระองค์จะฝ่าฝืนราชโองการอย่างเปิดเผยรึ?"“ไท่เฟยฉาง” เมื่อเห็นว่าไท่เฟยฉางยังคงพูดต่อไป กระแสเสียงของอ๋องอี๋หยางจึงเย็นเยียบลง “ขอพระองค์เย็นพระทัยลงบ้าง”“อุปนิสัยของเสด็จพี่ พระองค์น่าจะทรงทราบดี เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ตัดสินไปแล้ว หากพระองค์ยืนกราน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น นางจะขโมยของไปได้อย่างไร?“เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นอีก” พระพันปีสะบัดแขนเสื้อ “แหวนวงนั้นหายไปในวันที่เหมาเหมาหายไป วันถัดมาข้าก็ล้มป่วยแล้ว หลังจากที่ข้าป่วย มีเพียงเจ้าคนเดียวที่ใกล้ชิดกับหมอหลวงทุกคน เป็นไปไม่ได้ที่หมอหลวงจะอาจหาญถอดแหวนนั้นออกไป มีเพียงเจ้าเท่านั้น”“ถูกต้อง เ
“เสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มีสีหน้าขอประทานอภัย “นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของลูก ลูกต้องล้างความอยุติธรรมของตนเอง ลูกขอร้องให้เสด็จพ่อประทานอภัย ให้กับการทำตามอำเภอใจของลูก และให้โอกาสลูกได้หักล้างข้อกล่าวหาให้ตัวเองด้วยเพคะ”ฮ่องเต้ไม่มีคำพูดใดออกมา มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะอย่างเย็นช
องค์หญิงจ่างซีมั่นใจว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะพ่ายแพ้ นางเชิดหน้าขึ้นสูง “เสด็จพี่สองพระองค์ทรงเป็นพยาน ข้าล่ะอยากเห็นว่าเจ้าสามารถพลิกแพลงอะไรออกมาอีก”“หม่อมฉันพลิกแพลงอะไรไม่ได้หรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กางมือออก พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า“เพียงแต่หม่อมฉันโชคดีกว่า องค์หญิงจ่างซี พระองค์ฟังให้ดีนะ
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ใบหน้าขององค์หญิงจ่างซีพลันเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนแหวนอยู่ในท้องของเหมาเหมา แล้วยังถูกถ่ายออกมาจากแมวตัวนั้น?เมื่อครู่ หลังจากที่นางเลียหินหยกบนแหวน ก็รู้สึกว่าความเย็นไม่ชัดเจนนัก เพื่อแยกแยะของจริง จึงเลียมันอยู่หลายครั้งก่อนที่จะรู้สึกถึงความเย็นอันเป็นเอกลักษณ์นั้นหลังจากเลียแล้ว
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่