เขาลุกขึ้นจากรถเข็นราวกับคนบ้าคลั่ง “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ คนสารเลว”คนที่เพิ่งถูกตอนจนกลายเป็นขันทีร่างกายจะอ่อนแอมาก แม้ว่าเขาจะฝืนลุกจากเตียงได้ภายใต้การรักษาของลู่จิ้น ทว่าเขาก็ยังไม่สามารถเดินเหินได้ตามปกติทันทีที่เขายืนขึ้น เขาเจ็บไปทุกหนแห่ง สีหน้าซีดขาว และจำต้องนั่งลงอีกครั้ง“เสด็จพี่สามพระวรกา
“พูดจาเหลวไหล” ตงฟางหลีโกรธจัดจนหน้าซีดเผือดเขาไม่เคยพูดคำหยาบคายเลย ทว่าตอนนี้มีคำพูดหยาบคายมากมายที่อยากจะพูดใส่พี่สามและยังอยากตบพี่สามให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ“อย่าหุนหันพลันแล่นเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าแขนเสื้อของตงฟางหลีตงฟางหลีขบกรามแน่นเขาจะไม่หุนหันพลันแล่นได้อย่างไร!ชื่อเสียงของสตรีสำคัญเพี
วันนี้ หากไม่ยัดโถส้วมเข้าปากเขา นางก็จะไม่ใช้แซ่ฉินอีก!ฉินเหยี่ยนเย่ว์โขกศีรษะกับพื้นอย่างแรงสามครั้ง ยามที่เงยหน้าขึ้น เป็นเพราะออกแรงมากเกินไป ที่หน้าผากจึงเป็นรอยแดง“เสด็จพ่อ ขอถามได้หรือไม่ว่า หากเป็นดั่งที่ท่านอ๋องสามกล่าวไว้จริง ๆ ว่าหม่อมฉันลอบคบชู้กับท่านอ๋องสาม เช่นนั้น หม่อมฉันควรจะได้ร
เมื่อพูดจบ ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นล้วนตื่นตะลึงกันหมดไท่เฟยฉางที่อายุมากแล้ว โกรธจนสั่นไปทั่วทั้งตัว นางใช้มือชี้ที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ หลังจากตะโกนออกมาว่า “บังอาจจริง ๆ ” ก็ไม่สามารถพูดเป็นเต็มประโยคออกมาได้อีกพระสนมซูถูกองครักษ์จื่ออวี๋ทำให้ตกใจอยู่นานองครักษ์จื่ออวี๋เป็นหน่วยแบบไหน นางเข้าใจดีย
ตำหนักไท่อี๋เป็นสถานที่ที่เคร่งครัดและศักดิ์สิทธิ์มาตลอด ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์นำถังสำหรับขับถ่ายเข้ามาก่อน และถูกเจ้าสามอาเจียนราดรดซ้ำอีกครั้งมีแบบนี้เสียที่ไหนกัน!“ฉินเหยี่ยนเย่ว์!” พระองค์ตบที่วางแขน ตรัสด้วยความโกรธเคือง “เจ้าทำอะไรกันแน่? จะนำของสกปรกเช่นนี้มาแปดเปื้อนตำหนักไท่อี๋ได้อย่างไร?”ฉิ
ฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะตรัสด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าสาม เผลอตกจากรถม้าโดยไม่ทันระวัง ให้พักรักษาตัวอยู่ในจวนอ๋องสามเป็นเวลาสามปี และห้ามออกไปข้างนอก”พระสนมซูพลันเปลี่ยนสีหน้า “ฝ่าบาท นี่ไม่ยุติธรรมเพคะ บุตรชายของหม่อมฉันหาใช่ตกจากรถม้าไม่ เขา...”“สนมซู” พระสุรเสียงของฮ่องเต้พลันแปรเปลี่ยนเป็น
เป็นเพราะความลับนี้น่าตกใจจนเกินไป จึงทำให้ทุกคนตื่นตะลึงอยู่ตรงนั้นพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันเปลี่ยนเป็นแข็งค้างอย่างยากจะหาสิ่งใดเทียบได้ การแสดงออกก็แข็งค้างไปเช่นเดียวกันตงฟางหลียังคงใช้นำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์พูดต่อไปว่า “บิดาของพระสนมผิง มีฐานะซับซ้อนยิ่งนัก ดูผิวเผินเขาเป็นขุนนางตำแหน่งซื่อหลา
หลังจากองครักษ์จื่ออวี๋รับคำสั่งไปตรวจสอบ ไม่นานก็กลับมาหลังจากพวกเขาเอนตัวไปพูดสองสามประโยคที่ข้างพระกัณฑ์ของฮ่องเต้ ก็หายตัวไปจากที่เดิมราวกับสายลมฮ่องเต้มีพระพักตร์ปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ พิเศษพระสนมซูและท่านอ๋องสามไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร จึงลอบกังวลจนเหงื่อเย็นไหลโดยเฉพาะท่านอ๋องสาม หัวใ
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด