“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ถึงเวลาแล้ว ไปเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสอ๋องอี๋หยางพูดถึงตรงนี้ ก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะปรายตามองถ้วยชานมที่ว่างเปล่า พร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ “เสด็จพี่ ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าได้กลิ่นหอมหวานนั่นแล้วแต่กลับดื่มไม่ได้มันทุกข์ใจแค่ไหน? ท่านไม่เหลือให้ข้าเลยสัก
ตงฟางหลีลอบกำหมัดแน่นหากเรื่องราวมันง่ายอย่างที่นางคิดไว้ก็คงจะดี เกรงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับคนเป็นวงกว้าง นางอาจจะกลายเป็นเป้าของลูกธนูจำนวนมากก็ได้“ฉินเหยี่ยนเย่ว์!”พลันมีเสียงแหลมสูงดังขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหน้ากลับไปมอง เห็นเพียงพระสนมซูโผเข้ามาด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ดู
เมื่อพระสนมซูเห็นไอเย็นในแววตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พลันตัวสั่นเทาอย่างน่าประหลาดขณะที่คิดจะถอยกลับไปนั้น ก็ได้นึกถึงเรื่องที่บุตรชายกลายเป็นขันทีขึ้นมาอีกครั้ง เพลิงโทสะอัดแน่นเต็มหัวใจทันควัน จนขอบตาแดงก่ำ นางกรีดร้องเสียงดัง “ลั่วเอ๋อร์ถูกเจ้าทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่ชดใช้แต่โดยดี ยังแสดงท่าท
“มีคนลงมือก่อเหตุที่หน้าท้องพระโรง คุ้มกันฝ่าบาท” หลังจากเหล่าองครักษ์ตะโกนประโยคนี้ออกมา เหล่าองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ข้าง ๆ ก็มาถึงด้านหน้าของตำหนักไท่อี๋อย่างเป็นระเบียบ ล้อมรอบด้านในสามชั้นด้านนอกอีกสามชั้นพวกเขาต่างพากันชักดาบออกมา ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง คมกระบี่ประกายแสงเย็นกลิ่นอายสังหารพุ่ง
“เพี๊ยะ!”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงแรงของฝ่ามือนี้มากมาย ใบหน้าของพระสนมซูจึงบวมเป่งขึ้นมาทันทีด้านซ้ายได้รับก่อนหนึ่งฝ่ามือ จากนั้นก็มีลมแรงพัดมาระลอกหนึ่ง แล้วทางใบหน้าฝั่งขวาก็ได้รับอีกหนึ่งฝ่ามือหน้าประตูตำหนักไท่อี๋ เสียงฝ่ามือดังก้องไปทั่ว ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึงพร
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” พระสนมซูเห็นการเคลื่อนไหวของนางไม่ถูกต้อง พลันเบิกตากว้าง “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าขอเตือนเจ้า...”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ ท่ามกลางความสนใจของทุกคน ฝ่ามือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้ตวัดลงไปฝ่ามือที่หนึ่ง ฝ่ามือที่สอง...ที่หน้าตำหนักไท่อี๋ ในบรรยากาศที่แทบจะแข็งค้างไปแล้ว มีเพียงเสียงเพี๊ย
หลังจากคนตายไป มีคำกล่าวของเจ็ดวันแรกและเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ตามที่กล่าวเอาไว้ เจ็ดวันแรกผู้ตายมักจะกลับบ้าน หลังจากนั้นทุก ๆ เจ็ดวันก็จะจัดพิธีรำลึกขึ้นหนึ่งครั้ง เมื่อครบเจ็ดครั้งก็จะเป็นเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันถึงจะสมบูรณ์ดังนั้น เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ในฐานะหญิงม่าย นกหงส์สี่สิบเก้าตัวบนกว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนับตั้งแต่ได้พบกับไท่เฟยฉาง ปฏิกิริยาของตงฟางหลีก็ผิดแปลกไปมากทีเดียวเขาเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหญิงชราผู้นี้แตะต้องไม่ได้ และรัศมีที่กำจายมาจากร่างกายก็แปลกประหลาดพอสมควรสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มีนิสัยสุขุม และไม่ค่อยเผยปฏิกิริยาแปลกประหลาดเช่นนี้ออกมา“เมื่อก่อนเค
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด
ฮ่องเต้ยังคงมิตรัสสิ่งใดบรรยากาศจึงดูมืดมนเดิมทีตงฟางอิงคิดจะแอบขอร้องเสด็จพ่อ ให้เสด็จพ่ออนุญาตให้พี่สะใภ้เจ็ดสอนวิชากลให้เขาครั้นเห็นเสด็จพ่อมีสีหน้าไม่สู้ดี และมีทีท่าจะลงโทษพระสนมเหยา ก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก รีบพูดขึ้นมา “เสด็จพ่อ พระสนมเหยาต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน ขอร้องท่านปล่อยพระสนมเหยาไปเถิดพ่
“พวกแม่นมออกไปก่อนเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลงเรื่องนับจากนี้ นางไม่อยากให้คนที่ไม่มีความสำคัญเห็นเท่าใดนักบรรดาแม่นมต่างมองหน้ากัน“ออกไป” ฮ่องเต้ทรงตรัสเสียงเย็นชาครั้นตงฟางอิงเห็นคนออกไปหมดแล้ว ก็เม้มปากพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านต้องเชื่อข้านะ พระสนมเหยามิได้ทำเรื่องเช่นนั้นจริง ๆ ท่านต้อง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รู้จักกันดี และโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตทว่า โรคเบาหวานอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้โรคแทรกซ้อนสิ ถึงจะเป็นกุญแจสู่ความตาย“พูดให้ถูกต้องก็คือ โรคของพระพันปีเป่าไม่ได้เรียกว่าโรคกระหายน้ำ แต่เรียกว่าโรคเบาหวาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “
สาลี่เป็นผลไม้ และก็เป็นยาจีนชนิดหนึ่งเมื่อเข้าสู่เส้นลมปราณของไตและปอด จะขจัดความร้อนและแก้เสมหะ ผลิตของเหลวทำให้ความแห้งกร้านชุ่มชื้น และมีประสิทธิภาพมากในการรักษาโรคกระหายน้ำจากการบอกเล่าของหมอหลวงและแม่นม ตลอดจนการวินิจฉัยของนาง เกือบจะยืนยันอาการป่วยของพระพันปีเป่าได้“พระชายาอ๋องเจ็ด” หมอหลว