ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ รับมือได้ยากกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ด้วยสิ่งที่พูดเมื่อครู่สมเหตุสมผล และปิดช่องโหว่ได้พอดีแม้นจะเป็นการเถียงข้าง ๆ คู ๆ แต่กลับสามารถอธิบายได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น เหตุผลทั้งหมดของนางขึ้นอยู่กับช่องโหว่นี้ เมื่อช่องโหว่ถูกปิดกั้น การอนุมานของนางก็ไม่สา
ท่าทางนั้น ดูเหมือนเหมาเหมาจะสู้ตาย“ข้าขอโทษ” เมื่อฉินเหยี่ยนย่ว์เห็นว่าปฏิกิริยาของเหมาเหมานั้นรุนแรงเกินไป จึงรีบถอยหลังไปสองก้าวแล้วยื่นมันให้ตงฟางหลีตงฟางหลีหยิบขนมมันเทศออกมาสองชิ้น เจ้าตัวน้อยถึงจะสงบลงฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดมากแมวจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียด เมื่อเผชิญกับอันตรายหรือ
เย่ว์ลู่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ขนาดอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้และทุกคนก็ไม่ไว้หน้านางเลย พระสนมซูโกรธมาก“เย่ว์ลู่ เจ้าบังอาจนัก” พระสนมซูรู้สึกเจ็บที่หัวใจ และนางก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดยกมือกุมหน้าอกบริเวณตำแหน่งหัวใจ “อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ไหนเลยจะอดทนกับอวดดีของเจ้าได้? ว่ามา ใครให้เจ้าเข้าวัง? เจ้าไม่รู้ห
รอยตบขนาดใหญ่ถูกประทับรอยลงบนใบหน้าซึ่งแต่เดิมบอบบางและซีดขาว รอยตบเปลี่ยนเป็นสีแดงและช้ำอย่างรวดเร็ว มองแล้วน่าตกตะลึง“ท่านกล้าตบข้ารึ?” เย่ว์ลู่ยกมือกุมใบหน้าแล้วมองพระสนมซูอย่างเย็นชา น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือกเสียดกระดูก “ท่าน กล้าตบข้า?”นางจ้องเข้าไปในดวงตาของพระสนมซูที่ต้องการจะบีบคอนางให้ตาย
“หมายความว่าอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แทบไม่เคยเห็นตงฟางหลีมีสีหน้าเช่นนี้มาก่อน จึงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”“ตู้เหิงพบชื่อเจี้ยนกับเฟ่ยชุ่ย พวกนางบอกว่าหลังจากมาจวนสกุลฉิน หู่พั่วก็หายตัวไป” ตงฟางหลีพูด “พวกนางตามหาบริเวณโดยรอบอยู่นาน แต่พบเพียงปิ่นปักผมที่หู่พั่วทำหล่น ไม่พบเบาะแสอื่นใดเลย”ฉินเห
“เย่ว์ลู่ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” สีหน้าของเย่ว์ลู่ไม่ได้เศร้าไม่ได้สุขพระสนมซูยังคงอยู่ในสภาวะสับสน หูของนางยังคงส่งเสียงหึ่งหึ่ง และไม่ได้ยินเสียงรอบตัวเท่าใดนัก จึงได้แต่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างตะลึงงันไร้ความสง่างามดวงตาของฮ่องเต้ลึกล้ำไม่ว่าจะเป็นพระโอรสหรือคนอื่น ๆ หากอยากเข้าวังหลัง จำต้องผ่านขั้น
“เหลวไหลหรือ?” เย่ว์ลู่ยิ้มเย้ยหยัน “เจ้าหลงตัวเองเกินไปแล้ว สำหรับข้าน่ะนะ เจ้าไม่ได้นับเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ”นางพูดแล้วเลื่อนสายตาไปมองอ๋องสาม “เหอะเหอะ ท่านอ๋องสามและพระชายาอ๋องสามมิใช่สามีภรรยาที่รักใคร่สเน่หากันหรือ? ไยเวลานี้ ท่านอ๋องสามแม้แต่ผายลมก็มิกล้าปล่อยแล้วเล่า? ข้าเห็นท่าทางเช่นนั้นของท
พระองค์ไม่คิดว่าฉินเสวี่ยเย่ว์ที่เป็นแค่สตรีคนหนึ่งจะสามารถเรียกใช้งานคนเหล่านั้นได้ จะต้องมีแผนการชั่วร้ายที่ใหญ่กว่าแน่นอนอยู่ในนั้น“พาคนเข้ามา” ฮ่องเต้ตรัสหลี่เวยหลิงจึงสั่งให้พาตัวคนที่จับตัวได้เข้ามาเส้นเอ็นที่ข้อมือและข้อเท้าของคนผู้นั้นถูกตัดจนขาดแล้ว ทั้งยังถูกจี้สกัดจุดลมปราณไว้“ฝ่าบาท
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล
ความรู้สึกต่าง ๆ นานา พวยพุ่งขึ้นมาในใจ จนทำให้ฮ่องเต้นัยน์ตาแดงก่ำร่างกายของเขา เปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้า ความเจ็บปวด และความเสียใจ...แตกต่างไปจากความจริงจังในยามปกติ เขาในยามนี้ อ่อนแอจนดูเปราะบาง“เสด็จพ่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นปฏิกิริยาของฮ่องเต้ผิดแปลกไป จึงหมายจะก้าวเข้าไปห้ามปราม“ออกไป”“เสด็
ผ่านไปเพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็อุ้มโถยาโถหนึ่งเดินเข้ามา“หาเจอแล้ว” เขาหยิบยาเม็ดที่บรรจุด้วยขี้ผึ้งออกมาจากโถยาหนึ่งเม็ด หลังจากเปิดขี้ผึ้งหนา ๆ ออกหนึ่งชั้นแล้ว ภายในยังห่อด้วยหีบห่อไว้อีกหนึ่งชั้นหีบห่อชั้นนั้น ก็คือลูกบอลพลาสติกที่อยู่ด้านนอกยาลูกกลอนน้ำผึ้งเม็ดใหญ่ครั้นเปิดลูกบอลพลาสติกออก ด้าน
ฮ่องเต้ยืนอยู่ห่างจากเจ้าสิ่งนั้นไม่ไกลมากเขามองสิ่งประหลาดชิ้นนั้นขยายตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากที่มันเจอกับเปลวไฟ พลันเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีกลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้อง“ระบายอากาศเร็วเข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตะโกนร้องหนึ่งคำ ฮ่องเต้รีบเปิดหน้าต
นางกำชับทุกคนให้เปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อยแสงเทียนทั้งหมดกระจุกตัวกันอยู่ในจุด ๆ เดียวเมื่อแสงยังสว่างไม่มากพอ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้องครักษ์จื่ออวี๋นำไข่มุกราตรีในคลังเก็บสมบัติมาแสงสว่างของไข่มุกราตรีสะท้อนอยู่ภายในห้องจนดูคล้ายกับตอนกลางวันฉินเหยี่ยนเย่ว์มิสนใจพูดขอบคุณ หลังจากแบ่งงานกันอย่างช
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกลำบากใจยิ่งนักในสายตานาง เทียบกับชีวิตแล้ว ความเป็นส่วนตัวเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดด้วยซ้ำ“ป้าฉา บางครั้งเจ้ามิอาจเข้าใจได้ ทว่าข้ายังจะต้องบอกกับเจ้าว่า ในระหว่างขั้นตอนการผ่าตัด ต่อให้สวมอาภรณ์ก็จำเป็นต้องตัดทิ้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ในยามนี้นั้นยากลำบากยิ่งนัก”การผ่าตัดเปิดช่อ
นางจับข้อมือของพระสนมอวิ๋น หากแต่ยังไร้ชีพจร หัวใจก็แทบหยุดเต้น “เสด็จแม่ ขอประทานอภัยเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดอย่างยิ่งยวดนางรู้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าพระสนมอวิ๋นสุขภาพไม่ดี ควรจะเตรียมการให้รอบด้านถึงจะถูกนางมั่นใจในตัวเองมากเกินไป มิได้คำนึงว่ากระเพาะอาหารจะยังมีแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกัน จึง
ฮ่องเต้ทรงกุมมือของพระสนมอวิ๋นแน่น“เรื่องเช่นนั้น สามารถทำได้หรือ?” เขามองพระสนมอวิ๋นที่อ่อนแรง ก่อนตรัสถามด้วยเสียงเบาทำเอาฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจยาวเหยียดตามหลักแล้วทำไม่ได้พระสนมอวิ๋นมีความดันโลหิตต่ำ ชีพจรแทบจะไม่มี ไม่เหมาะจะฉีดยาชา และไม่เหมาะจะทำการผ่าตัดเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงื่อนไข
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี