“เย่ว์ลู่ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” สีหน้าของเย่ว์ลู่ไม่ได้เศร้าไม่ได้สุขพระสนมซูยังคงอยู่ในสภาวะสับสน หูของนางยังคงส่งเสียงหึ่งหึ่ง และไม่ได้ยินเสียงรอบตัวเท่าใดนัก จึงได้แต่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างตะลึงงันไร้ความสง่างามดวงตาของฮ่องเต้ลึกล้ำไม่ว่าจะเป็นพระโอรสหรือคนอื่น ๆ หากอยากเข้าวังหลัง จำต้องผ่านขั้น
“เหลวไหลหรือ?” เย่ว์ลู่ยิ้มเย้ยหยัน “เจ้าหลงตัวเองเกินไปแล้ว สำหรับข้าน่ะนะ เจ้าไม่ได้นับเป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ”นางพูดแล้วเลื่อนสายตาไปมองอ๋องสาม “เหอะเหอะ ท่านอ๋องสามและพระชายาอ๋องสามมิใช่สามีภรรยาที่รักใคร่สเน่หากันหรือ? ไยเวลานี้ ท่านอ๋องสามแม้แต่ผายลมก็มิกล้าปล่อยแล้วเล่า? ข้าเห็นท่าทางเช่นนั้นของท
พระองค์ไม่คิดว่าฉินเสวี่ยเย่ว์ที่เป็นแค่สตรีคนหนึ่งจะสามารถเรียกใช้งานคนเหล่านั้นได้ จะต้องมีแผนการชั่วร้ายที่ใหญ่กว่าแน่นอนอยู่ในนั้น“พาคนเข้ามา” ฮ่องเต้ตรัสหลี่เวยหลิงจึงสั่งให้พาตัวคนที่จับตัวได้เข้ามาเส้นเอ็นที่ข้อมือและข้อเท้าของคนผู้นั้นถูกตัดจนขาดแล้ว ทั้งยังถูกจี้สกัดจุดลมปราณไว้“ฝ่าบาท
“โอ้? เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้พูดว่าไม่รู้จักไม้เทียนเหลี่ยวมิใช่หรือ? เหตุใดถึงนึกถึงสิ่งนี้เป็นอย่างแรกด้วย?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินกดดันเข้าไปทีละก้าว “ปกติแล้ว หญ้าแมว กัญชาแมว ไม้เทียนเหลี่ยวสามสิ่งนี้ล้วนมีแรงดึงดูดอย่างรุนแรงสำหรับแมว ไม้สองสามแท่งนี้ถูกห่อไว้ในผ้าเช็ดหน้า จากมุมที่เจ้ายืนมองไม่เห
โทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง!โทษนี้ร้ายแรงกว่าโทษใด ๆ ที่นางเคยทำมาทั้งหมดนางหมอบกายอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด ด้วยความตื่นตระหนก หวาดกลัว ทั่วทั้งตัวจึงเย็นเฉียบเลือดที่เดิมทีห้ามไว้ได้แล้ว ก็ค่อย ๆ ไหลลงมาช้า ๆ อีกครั้งในไม่ช้าเลือดก็ย้อมอาภรณ์ให้เปรอะเปื้อน กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปในอากาศนางหันไ
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองนางอยู่ครู่ใหญ่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้าลง จึงทำให้ดูอ่อนน้อมถ่อมตน อยากให้ว่านอนสอนง่ายมากเท่าใดก็จะว่านอนสอนง่ายมากเท่านั้น แตกต่างจากคนที่ยากจะรับมือที่ทั้งแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยหนามแหลมในตอนแรกราวกับคนละคน “ตามหมอหลวง ต้องรักษาฉินเสวี่ยเย่ว์ให้ได้ เจ้าสาม เจ้าก็ออกไปก่อนเถิด”
ครั้นเหล่านางกำนัลและขันทีนอกตำหนักเห็นองค์ชายสองพระองค์ทะเลาะวิวาทกัน ก็ได้แต่มองหน้ากันปริบ ๆ ตกใจจนมิกล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงประโยคเดียวตงฟางหลีที่มีเพลิงโทสะอยู่เต็มอก ออกหมัดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ภายใต้ความโกรธที่เข้าครอบงำก็มีช่องโหว่อยู่มากมายเขาต่อยท่านอ๋องสามไปหลายหมัด และถูกต่อยกลับไม่น้
ตงฟางหลีถึงกับนิ่งงันขณะที่เขาคิดจะเอ่ยปากพูดออกมานั้น ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงเย็นชา “หากพูดเพิ่มอีกก็โบยเพิ่มอีกสามสิบไม้ และให้โบยเพิ่มสามสิบไม้ทุกครั้งที่พูดออกมา จ้งหมิง เจ้าจับตาดูเขาด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ” ท่านอ๋องอี๋หยางขานรับ“ตงฟางหลี หน้าของท่านเป็นอะไรไป?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าท่าที
หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน
“จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า
อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
พระสนมอวิ๋นได้ฟังคำพูดของนาง พลันชะงักไปชั่วขณะ “แมลงพิษกู่นั้น เจ้าสามารถบรรเทาได้หรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าแมลงพิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่ากู่ลวงใจตอนที่นางพลิกอ่านหนังสือในตอนนั้นเคยเห็นมาก่อนในตอนนั้นนางไม่เชื่อการมีอยู่ของแมลงพิษกู่ และรู้สึกว่าขั้นตอนที่แมลงพิษกู่สร้างอาการบาดเจ็บให้คนนั้นไม่
“มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่
“พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให
ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช