องค์ชายหกสีหน้าดำทะมึนหลังจากที่น้องเจ็ดแต่งงาน ก็เปลี่ยนไปมิคล้ายกับเมื่อก่อนฉินเหยี่ยนเย่ว์หญิงสาวคนนั้นก็แตกต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นศิษย์ของนักพรตเต๋าเทียนหลิง และยังได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากเสด็จพ่อนักพรตเต๋าเทียนหลิงมีฐานะพิเศษ หากฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นศิษย์ของนักพรตเต๋
ขณะที่หลิงอวิ๋นจวินคิดจะชิงปิ่นมา หมิ่นจูก็ได้แทงปิ่นเหล็กทะลุผิวหนังเข้าไปแล้วหยดเลือดไหลทะลัก ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมา“หลิงอวิ๋นจวิน ข้าแต่งให้เจ้ามาสิบกว่าปี ทนมานานมากพอแล้ว พวกเราตายไปพร้อมกันเถอะ ข้าอยากให้คนบนโลกนี้รับรู้เสียที ว่าเจ้าเป็นวิญญูชนจอมปลอมที่วางมาดมีศีลธรรมมาก
ขณะเดียวกัน จวนสกุลฉินหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกตงฟางหลีรังแกได้ครู่ใหญ่ ยามนี้กำลังขดตัวตรวจบัญชีอยู่ในที่อบอุ่นอย่างเกียจคร้านสมุดบัญชีจดบันทึกได้ค่อนข้างเละเทะ จัดการถึงสองวันติดกัน ก็ยังคงเละเทะเช่นเคยนางมองแล้วก็รู้สึกปวดหัว ยกมือขึ้นกุมหน้าอก แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก“หากเจ้ารู้สึกเหนื่อย ก็ให้
“ได้” ตงฟางหลีเอ่ย “บังเอิญพอดีกับที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องเข้าเฝ้าในท้องพระโรง”เขาวางฎีกาลง “ข้าจะกำชับตู้เหิง ให้พาเฉียนชิงหยางมาพรุ่งนี้เช้า รอให้พวกเรากลับจากชานเมือง เขาน่าจะจัดการเสร็จเรียบร้อย หลังจากเสร็จเรื่องวุ่นวายในจวนสกุลฉินแล้ว เจ้าก็พักฟื้นที่ตำหนักหมิงอวี้เสียดี ๆ”ฉินเหยี่ยนเย
เขายื่นนิ้วออกมาคำนวณคร่าว ๆ “สองสามตัวเกรงว่าคงจะไม่พอ อย่างน้อยก็ต้องสิบกว่าตัว ไม่สิ หลายสิบตัวถึงจะใช้จนหมด”“อันที่จริงมีคำถามหนึ่งที่หม่อมฉันอยากถามมาตลอด ท่านเอาเงินจำนวนมากมายถึงเพียงนั้นมาจากที่ไหนกัน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทีไม่ปิดบังว่าตนเองมีเงินเลยแม้แต่น้อยของตงฟางหลี ก็เลิกคิ้ว “เบี้ย
นางในยามนี้ ได้สลัดพี่สามไปได้อย่างสมบูรณ์แล้ว“ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟัง ว่าเบื้องหลังของร้านรับฝากเงินที่มีนามแฝงว่านายท่านหูกวงเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่คดีหนึ่ง เจ้ายังจำได้หรือไม่?” เขาเอ่ย “ระยะนี้ร้านรับฝากเงินขนาดใหญ่หลายที่เกิดคดีตั๋วเงินปลอมขึ้น คดีเกี่ยวพันกับเงินจำนวนมหาศาล เรื่องนี้ไม่รู้ว่าไปถึงพ
“ยังมิต้องพูดถึงวิธีการป้องกันที่เข้มงวดจนแทบจะเสียสติไปเหล่านี้ เพียงเอ่ยถึงตราหยกของเสด็จพ่อ และตราประทับของเสนาบดีกรมพระคลัง ก็เป็นของที่มิอาจตกอยู่ในมือของคนทั่วไปได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ “มีการป้องกันได้ถึงขนาดนี้ มีของปลอมโผล่ขึ้นมาได้จึงจะแปลก”“ไม่สิ หากเข้มงวดอย่างที่ท่านพูดจริง ตั๋วเงิ
สำหรับนางที่เคยเรียนวิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูง สามารถจัดการแบบฟอร์มและข้อมูลจนชำนาญและทำได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว สมุดบัญชีเหล่านี้เป็นดั่งหนังสือสวรรค์ที่ยากจะเข้าใจเพียงพริบตาเดียวก็โยนหนังสือสวรรค์จำนวนมากเหล่านี้ให้เฉียนชิงหยาง นางจึงรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย“ท่านอ๋อง พระชายา” หลังจากเฉียนชิงหยางพลิกสมุดบ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได