“ยังมิต้องพูดถึงวิธีการป้องกันที่เข้มงวดจนแทบจะเสียสติไปเหล่านี้ เพียงเอ่ยถึงตราหยกของเสด็จพ่อ และตราประทับของเสนาบดีกรมพระคลัง ก็เป็นของที่มิอาจตกอยู่ในมือของคนทั่วไปได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ “มีการป้องกันได้ถึงขนาดนี้ มีของปลอมโผล่ขึ้นมาได้จึงจะแปลก”“ไม่สิ หากเข้มงวดอย่างที่ท่านพูดจริง ตั๋วเงิ
สำหรับนางที่เคยเรียนวิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูง สามารถจัดการแบบฟอร์มและข้อมูลจนชำนาญและทำได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว สมุดบัญชีเหล่านี้เป็นดั่งหนังสือสวรรค์ที่ยากจะเข้าใจเพียงพริบตาเดียวก็โยนหนังสือสวรรค์จำนวนมากเหล่านี้ให้เฉียนชิงหยาง นางจึงรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย“ท่านอ๋อง พระชายา” หลังจากเฉียนชิงหยางพลิกสมุดบ
“ท่านอ๋องพระชายาเพคะ” ไป๋โค้วมายังด้านหน้ารถม้า ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าในทันที “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”ตู้เหิงจึงรีบหยุดรถม้าในทันทีเมื่อม้าเกิดอาการกระตุกนั้น ภายในรถม้าจึงเกิดการสั่นสะเทือนฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่มิทันได้คว้าที่จับยึดเอาไว้นั้น ร่างกายจึงมิอาจรักษาสมดุลได้ นางเกือบจะล
ความเร็วของม้าว่องไวยิ่งนัก บนหลังม้าก็โคลงเคลงเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาฉินจวิ้นเลี่ยที่นั่งอยู่ด้านบนถึงกับเวียนหัวจนแทบอยากจะอ้วกออกมาเมื่อไป๋โค้วเห็นว่าฉินจวิ้นเลี่ยดูมีท่าทีไม่สบายมาก นางจึงค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลง“เจ้าเป็นบุรุษจริง ๆ หรือไม่” ไป๋โค้วก้มไปมองเขาด้วยท่าทีรังเกียจ “แค่นี้เองหรือ?”“เจ้าค
ฉินจวิ้นเลี่ยมีท่าทีผิดหวังเล็กน้อย “หากกล่าวเช่นนี้ แม่นางไป๋โค้วมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือ?”“หมั้นหมาย? มันคือสิ่งใดกัน? ข้าไป๋โค้วที่ออกท่องโลกไปทั่วยุทธภพ ย่อมมิยอมให้ของสิ่งนั้นมาผูกมัดตัวตนของข้าเอาไว้อย่างแน่นอน”“ท่านมิเคยคิดบ้างหรือ ว่าหลังจากนี้ ท่านจักแต่งให้กับผู้อื่น?” ฉินจวิ้นเลี่ยเริ่มมี
มิรอให้ฉินจวิ้นเลี่ยทันได้สติ นางก็กระตุกเชือกบังคับม้าก่อนจะขี่ม้าพุ่งทะยานออกไปในทันทีฉินจวิ้นเลี่ยยังคงยืนแน่นิ่ง จนกระทั่งไป๋โค้วจากไปไกลแล้ว เขาถึงได้แต่ถอนหายใจออกมานาง แตกต่างจากสตรีอ้อนแอ้นเหล่านั้นจริง ๆถึงแม้ว่าท่านย่าของเขาจะเห็นด้วย มารดาของเขาจะยินยอม น้องสาวของเขามิตาย หากเป็นในยามท
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ได้รับข่าวจากไป๋โค้วแล้วนั้น ทั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์และตงฟางหลีจึงรีบเดินทางไปที่วังหลวงในทันทีระหว่างการเดินทางใบหน้าของตงฟางหลีเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมเรียวนิ้วของเขาแตะไปที่แหวนหยกโดยไม่รู้ตัว คิ้วทรงสวยพลันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความกังวล“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์
ตงฟางหลีประคองฉินเหยี่ยนเย่ว์ลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปรอบ ๆ “ยกเว้นพี่รองและเจ้าแปดที่เพิ่งไปนอกเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน และเจ้าเก้าที่ไม่ได้รับการยอมรับจากเสด็จพ่อ องค์ชายที่อาศัยอยู่ข้างนอกทั้งหมดกลับมาแล้ว เหล่าพระญาติมาถึงเกือบทุกคนแล้ว”“พูดขนาดนี้ อาการของพระพันปีถึงจุดที่ไร้หนทางรักษาแล้วจริง ๆ ห
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด