หมอหลวงหลายสิบคนในสำนักหมอหลวงล้วยวินิจฉัยว่าพระพันปีไร้หนทางรักษาแล้วในบรรดาหมอหลวงเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนได้รับความเคารพอย่างสูงเมื่อพวกเขาบอกว่าไร้หนทางรักษา ก็พิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นกำลังจะมอดม้วยมรณาแล้วทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับบอกว่าบุคคลนั้นเพียงไม่ได้สติ และไม่มีอะไรร้ายแรงน่ะหรือ?ครั้นคำพูด
ทำให้นางเสียหน้าเช่นนี้ต่อหน้าผู้เยาว์และผู้อาวุโสมากมาย สีหน้าจึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน “เจ้า เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“หม่อนฉันมิได้หมายถึงอันใดเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ยามที่ท่านอ๋องเจ็ดและหม่อมฉันได้รับข่าวว่าต้องเข้าวังอย่างเร่งด่วนนั้น พวกเราทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปบ้านท่านย่าของ
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้เดินเอามือไพล่หลังเข้ามา“ทูลเสด็จพ่อ ลูกทราบชัดเจนแล้ว พระพันปีกริ้วมากจนหมดสติไปเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “พระวรกายของพระนางไม่ค่อยใคร่ดีนัก และการกริ้วมากจนหมดสติอย่างกะทันหันนี้ทำให้พระนางหมดสติไม่รู้สึกตัวเพคะ”สิ่งที่เรียกว่าโกรธจนหมดสตินั้น จากทฤษฎีหมายถึงความผันผว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยาบคายกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า และกล้าถามคำถามกลับใส่นางด้วย มีอย่างที่ไหนกัน!สองมือของนางชี้ไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างสั่นเทา อดกลั้นคำพูดไว้ในใจ อึ้งงันไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำนางโตมาเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้มาพูดกับนางเลย“เจ้าทำตัวเหลวไหลเกินไปแล้ว” ใบห
“ข้าเป็นอะไรไปรึ? ไยถึงรู้สึกอึดอัดนัก?” พระพันปีขยับกายรู้สึกว่าผ้าปูที่นอนเปียกชุ่ม และยังคิดว่าเป็นปัสสาวะด้วย ต่อหน้าเหล่าบุตรหลาน หลานสะใภ้ หลานเขย นางอับอายมาก และนางก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างมากทันที“พระพันปี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวอย่างปลอบโยน “เมื่อครู่พระองค์กริ้วมากจนมดสติไปเพคะ แต่เพลานี้พร
“ไม่ต้องคารวะหรอก” อ๋องอี๋หยางยิ้ม “อันที่จริงแล้วข้าสับสนมาก หมอหลวงล้วนหมดวิธีรักษาแล้ว เจ้าคิดถึงใบสั่งยานั้นได้อย่างไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระดากอายเล็กน้อยนางไม่รู้ว่าจะอธิบายทฤษฎีการแพทย์สมัยใหม่อย่างไรดี จึงต้องอ้างถึงปู่ “ตอบเสด็จอา เป็นทักษะลับที่นักพรตเต๋าเทียนหลิงทิ้งไว้ รายละเอียดสถานการณ์
แม่นมคนหนึ่งเดินออกมาจากตำหนักบรรทมของพระพันปี ตัวสั่นงันงกไปทั้งร่าง “แย่แล้ว แย่แล้วเพคะ พระพันปีสิ้นพระชนม์แล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“เกิดอะไรขึ้น?” ฮ่องเต้ตกใจ “เสด็จแม่มิใช่ว่าฟื้นแล้วหรือ?”“ทูลฮ่องเต้ เป็นความจริงอย่างยิ่ง พระพันปี...” แม่นมยังพูดไม่จบ
คำพูดที่ดูคล้ายไม่ได้ตั้งใจเหล่านั้นดังไปถึงหูขององค์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเมื่อองค์หญิงจ่างซีเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ยืนอยู่ฝั่งตน และได้ชัยชนะกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ จึงยิ่งทะนงตนมากขึ้น “เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้ายังแสร้งทำอะไรอยู่อีก รีบหยุดมือเสีย!”ขณะที่นางพูด ก็คว้ามือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำ
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด