“ท่านอ๋องพระชายาเพคะ” ไป๋โค้วมายังด้านหน้ารถม้า ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้าในทันที “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”ตู้เหิงจึงรีบหยุดรถม้าในทันทีเมื่อม้าเกิดอาการกระตุกนั้น ภายในรถม้าจึงเกิดการสั่นสะเทือนฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่มิทันได้คว้าที่จับยึดเอาไว้นั้น ร่างกายจึงมิอาจรักษาสมดุลได้ นางเกือบจะล
ความเร็วของม้าว่องไวยิ่งนัก บนหลังม้าก็โคลงเคลงเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาฉินจวิ้นเลี่ยที่นั่งอยู่ด้านบนถึงกับเวียนหัวจนแทบอยากจะอ้วกออกมาเมื่อไป๋โค้วเห็นว่าฉินจวิ้นเลี่ยดูมีท่าทีไม่สบายมาก นางจึงค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลง“เจ้าเป็นบุรุษจริง ๆ หรือไม่” ไป๋โค้วก้มไปมองเขาด้วยท่าทีรังเกียจ “แค่นี้เองหรือ?”“เจ้าค
ฉินจวิ้นเลี่ยมีท่าทีผิดหวังเล็กน้อย “หากกล่าวเช่นนี้ แม่นางไป๋โค้วมีคู่หมั้นหมายแล้วหรือ?”“หมั้นหมาย? มันคือสิ่งใดกัน? ข้าไป๋โค้วที่ออกท่องโลกไปทั่วยุทธภพ ย่อมมิยอมให้ของสิ่งนั้นมาผูกมัดตัวตนของข้าเอาไว้อย่างแน่นอน”“ท่านมิเคยคิดบ้างหรือ ว่าหลังจากนี้ ท่านจักแต่งให้กับผู้อื่น?” ฉินจวิ้นเลี่ยเริ่มมี
มิรอให้ฉินจวิ้นเลี่ยทันได้สติ นางก็กระตุกเชือกบังคับม้าก่อนจะขี่ม้าพุ่งทะยานออกไปในทันทีฉินจวิ้นเลี่ยยังคงยืนแน่นิ่ง จนกระทั่งไป๋โค้วจากไปไกลแล้ว เขาถึงได้แต่ถอนหายใจออกมานาง แตกต่างจากสตรีอ้อนแอ้นเหล่านั้นจริง ๆถึงแม้ว่าท่านย่าของเขาจะเห็นด้วย มารดาของเขาจะยินยอม น้องสาวของเขามิตาย หากเป็นในยามท
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่ได้รับข่าวจากไป๋โค้วแล้วนั้น ทั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์และตงฟางหลีจึงรีบเดินทางไปที่วังหลวงในทันทีระหว่างการเดินทางใบหน้าของตงฟางหลีเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมเรียวนิ้วของเขาแตะไปที่แหวนหยกโดยไม่รู้ตัว คิ้วทรงสวยพลันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความกังวล“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์
ตงฟางหลีประคองฉินเหยี่ยนเย่ว์ลงจากรถม้า ก่อนจะมองไปรอบ ๆ “ยกเว้นพี่รองและเจ้าแปดที่เพิ่งไปนอกเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน และเจ้าเก้าที่ไม่ได้รับการยอมรับจากเสด็จพ่อ องค์ชายที่อาศัยอยู่ข้างนอกทั้งหมดกลับมาแล้ว เหล่าพระญาติมาถึงเกือบทุกคนแล้ว”“พูดขนาดนี้ อาการของพระพันปีถึงจุดที่ไร้หนทางรักษาแล้วจริง ๆ ห
หมอหลวงหลายสิบคนในสำนักหมอหลวงล้วยวินิจฉัยว่าพระพันปีไร้หนทางรักษาแล้วในบรรดาหมอหลวงเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนได้รับความเคารพอย่างสูงเมื่อพวกเขาบอกว่าไร้หนทางรักษา ก็พิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นกำลังจะมอดม้วยมรณาแล้วทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับบอกว่าบุคคลนั้นเพียงไม่ได้สติ และไม่มีอะไรร้ายแรงน่ะหรือ?ครั้นคำพูด
ทำให้นางเสียหน้าเช่นนี้ต่อหน้าผู้เยาว์และผู้อาวุโสมากมาย สีหน้าจึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน “เจ้า เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“หม่อนฉันมิได้หมายถึงอันใดเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ยามที่ท่านอ๋องเจ็ดและหม่อมฉันได้รับข่าวว่าต้องเข้าวังอย่างเร่งด่วนนั้น พวกเราทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปบ้านท่านย่าของ
ก่อนหน้านี้ก็พูดเพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล้วก็ยังมาขัดขวางการลงโทษตู้เหิงของนาง!“แม้แต่เจ้าก็ทำให้ข้าโกรธ!”“ท่านแม่” ซูจื่อเห็นว่าตู้เหิงจากไปแล้ว สีหน้าพลันทะมึนลง “เรื่องในวันนี้ ลูกไม่รู้ว่าท่านได้รับยาเสน่ห์มาจากผู้ใด แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดถึงต้องจับตามองพระชายาอ๋องเจ็ดด้วยเช่นกัน แต่ท่านฟังที
ฮูหยินซูถูกตู้เหิงเพิกเฉย เพลิงโทสะที่สะสมมาในวันนี้พวยพุ่งขึ้นมาไม่หยุดซวงเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง มิอาจจบไปเช่นนี้ได้!“เจ้าสุนัขรับใช้ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือ?”ตู้เหิงรำคาญเป็นอย่างยิ่งฮูหยินซูผู้นี้เกรงว่าจะเสียสติไปแล้วกระมังเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าฮูหยินซูเป็นค
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้