ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลง เตรียมที่จะทำการผ่าตัดเย็บแผลให้ฉินอี้“เฝ่ยชุ่ย ทำตามวิธีที่ทำตามปกติเถอะ ฆ่าเชื้อในห้องนี้เสีย” นางหยิบไหมเย็บแผลออกมาภายใต้ฤทธิ์ยาระงับประสาท นางฝืนบังคับให้มือตนเองไม่สั่นเทาทว่า นั่นก็เป็นเพียงแค่การฝืนมิให้สั่นเท่านั้นการเย็บแผลเป็นงานท
ประจวบเหมาะพอดี กับที่นี่นางไม่มียาระงับประสาทแล้วเมื่อไม่มียาระงับประสาท นางในยามนี้จึงมิอาจทำการผ่าตัดเย็บแผลได้เนื่องจากบาดแผลของฉินอี้รุนแรงมาก หากไม่เย็บแผล ช้าเร็วอย่างไรก็จะติดเชื้อ ถึงแก่ชีวิตได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าจะเรียกเฝ่ยชุ่ยเข้ามา“ข้าทำเอง” ไป๋หลินยวนเดินสองสามก้
“ท่านกำลังมิพอใจอันใดอยู่หรือ?” นางเดินมาหยุดข้างกายเขาพลางเอ่ยปลอบคล้ายกับเอ่ยปลอบเด็กตงฟางหลีมิเอ่ยคำใด ทว่าสีหน้าดำทะมึนนัก“ตงฟางหลี”เขายังคงมิพูดจาดังเดิม“หากท่านไม่พูด หม่อมฉันจะโกรธแล้วนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหลังกลับ “ท่านไม่พอใจก็ดี โมโหก็ดี บอกหม่อมฉันมาสิเพคะ ให้หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉั
“ตงฟางหลี”“อืม”“วันนี้หม่อมฉัน หลบกระบี่ของคนชุดเสื้อดำได้พ้น” นางราวกับกำลังพูดละเมอ “เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าจะหลบไม่พ้น”ตงฟางหลีได้ฟังหัวใจพลันบีบรัดแน่น รอให้นางกล่าวต่อไป“ครั้งแรกนั้น ยามที่กระบี่ของคนชุดดำกวัดแกว่งมา หม่อมฉันเดิมยังมิทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ ภายใต้การตอบสนองของร่างกาย หม่อมฉันจึงก
เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนฝูหรง ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์จงใจปิดบังเอาไว้มิให้ผู้ใดรู้คนในสวนฝูหรง เกินกว่าครึ่งมิรู้สถานการณ์ที่แท้จริง จึงยังมาทำงานเฉกเช่นในยามปกติสิ่งเดียวที่แปลกไปคือ ลานเรือนของฮูหยินรองและคุณหนูสามถูกแปะด้วยแผ่นกระดาษ มิว่าผู้ใดก็มิอาจเข้าไปได้บรรดาแม่นมสะใภ้และสาวใช้ต่างพูดซุบซิบนินท
ในใจราวกับมีอะไรบางอย่างขวางกั้นไว้ กดดันจนทำเอาหอบหายใจไม่ทันบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียดนางเดินไปเดินมาภายในห้องมิหยุดหย่อน มิอาจสงบจิตใจลงได้เลยแม้แต่น้อย“เสาเย่า เจ้ากลับมาก่อน” ไม่รู้นางนึกถึงสิ่งใด จู่ ๆ พลันตะโกนเรียกออกมาเสาเย่าที่เดินจนถึงประตูแล้วได้ยินเสียงเรียก ก็รีบร้อนวิ่งกลั
“ย่อมเป็นความจริงเพคะ” ฉินเสวี่ยเย่ว์เอ่ย “น้องสาวของหม่อมฉันต้องการจะแต่งกับท่านอ๋องซื่อจื่อเท่านั้น และท่านอ๋องซื่อจื่อก็ให้ความสนใจกับปี้เอ๋อร์เช่นเดียวกัน เฮ้อ เพียงแต่ฐานะของท่านอ๋องซื่อจื่อสูงส่ง ปี้เอ๋อร์กลับเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยาคนหนึ่ง พวกเขาถูกชะตาชีวิตกำหนดให้ต้องเป็นคู่นกยวนยางที่มี
หู่พั่วขานรับ ไม่นานก็ถือเอาสิ่งของที่ต้องใช้ในยามมีระดูมาฉินเสวี่ยเย่ว์เปลี่ยนเป็นอาภรณ์ที่สะอาด ทว่ายังคงปวดท้องมากอยู่เช่นเดิมนางนอนบนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด“พระชายา ดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อยเถิดเพคะ อาจจะดีขึ้นมาบ้าง” หู่พั่วยกน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาฉินเสวี่ยเย่ว์มุ่นคิ้วปร
“ข้ากับเสด็จแม่มีนิสัยคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับแตกต่างกัน”ความรู้สึกของพระสนมอวิ๋นที่มีต่อฮ่องเต้นั้นเป็นเรื่องจริงความรู้สึกของฮ่องเต้ที่มีต่อพระสนมอวิ๋นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริงเช่นกันอย่างไรก็ตามเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เกรงว่าจะมิใช่เช่นนี้ในตอนนั้น หากได้รับการสนับสนุนอย่างแน่วแน่จากฮ่องเต
“ภูมิหลังของสนมหรงผู้นั้นคืออะไรกันแน่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วป้าฉาไม่ใช่คนประเภทที่กลัวนั่นกลัวนี่ นางย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพระสนมหรงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสนมหรงผู้นั้นไม่ควรหาเรื่องด้วย“พระองค์รู้จักหอกิเลนหรือไม่?” ป้าฉาถามฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าสัตว์สัญลักษณ์ของราชวงศ
“ท่านคิดไม่ผิดหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับมองความคิดของนางออก “อีกหนึ่งเค่อ ท่านก็จะเป็นเหมือนกับพี่สาวนางกำนัลผู้นี้ กลิ้งไปบนพื้นโดยมิสนภาพลักษณ์ ใบหน้าก็จักบวมจนดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คันไปทั้งตัว เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”“อ้อไม่สิ ไม่เหมือน ท่านถูกเลี้ยงดูเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธหลังจากลูกแกะวิ่งเข้ามา นางก็ตามเข้ามาติด ๆ นางมองเห็นอย่างชัดเจน ลูกแกะเพียงแค่กำลังวิ่งอย่างมีความสุข กำลังจะเข้าใกล้ผู้คน มิได้ทำเรื่องอะไรเกินเลยไปอีกอย่าง ลูกแกะที่เพิ่งคลอดออกมาตัวเดียว จะมีพลังมากมายเพียงใดกัน?หากให้คนไล่ออกไป หรือว่าสั่งสอนสักหน่อย ก็ไม่เป
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ควรจะหาทางลงตาม ด้วยการทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กผู้ใดจะรู้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ลงตามก็ช่างเถอะ ยังทำลายทางลงทิ้งจนหมดสิ้น!“พระชายาอ๋องเจ็ดพูดเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน” พระสนมหรงฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ในวังหลวงแห่งนี้มีกฎเข้มงวดมาก หากเหล่านางกำนัลเดินผิด
ตอนที่นางกำนัลสี่คนโอบล้อมเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้ตอบโต้ปล่อยให้พวกนางลากจูงได้ตามใจชอบครั้นเหล่านางกำนัลเห็นว่านางไม่ตอบโต้ จึงลงมือรุนแรงขึ้นบางคนดึงผม บางคนดึงอาภรณ์ของนาง หรือแม้กระทั่งยังมีบางคนฉวยโอกาสตีนางหลายครั้งหลังจากป้าฉาดึงตัวนางออกมา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อาภรณ์ที่เดิมสกปรกถูกฉีกทึ้
“ลงมือ!"ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงต่ำตำหนักมิอาจเทียบได้กับจวนอ๋อง แต่ละพระสนมย่อมมีประวัติความเป็นมาป้าฉาเคยเตือนนางไว้ว่า เรื่องในวังหลวงหากทนได้ก็ให้ทน มากขึ้นหนึ่งเรื่องมิสู้น้อยลงหนึ่งเรื่องทว่า!นิสัยอารมณ์ร้อนของนางนี้ทนการหาเรื่องหาความโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ไม่ได้ผู้ใดทำให้นางไม่มีความสุ
ฝ่ามือนี้เรี่ยวแรงมากทีเดียว สะเทือนจนนางกำนัลถึงกับตาลาย“เจ้ากล้าตบข้ารึ?” นางกำนัลจับจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ “แค่สาวใช้จุดเตาไฟคนหนึ่ง กล้าตบข้าเชียวรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร...”เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!ไม่รอให้นางพูดจบ ฝ่ามือก็ตวัดลงบนใบหน้าติด ๆ กันเรี่ยวแรงมากขึ้นทุกครั้งที่ลงมือตอนที่นา
“พระสนมหรง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่มีความทรงจำ และคร้านจะทักทาย จึงเดินต่อไป“นี่มันท่าทีอะไรของเจ้ากัน?” นางกำนัลถูกการตอบสนองของนางกระตุ้นให้โมโหนางกำนัลชั้นล่างเนื้อตัวสกปรกผู้หนึ่ง ถึงกับกล้าไม่มองพระสนมหรง!“ยังไม่คุกเข่าคารวะอีก พระสนมอวิ๋นสอนกฎเช่นนี้หรือ?”“ท่าทีของข้าเป็นอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย