ตู้เหิงรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งร่าง “ท่านหมอไป๋ ท่านอย่ามองข้าแบบนั้นสิ ท่านมองจนทำให้ในใจข้ากลัวนะ ข้าเป็นอะไรไป? เป็นโรคร้ายถึงขั้นรักษาไม่หายหรือ? พระชายา ช่วยข้าด้วย”“นี่คือพิษที่มีเฉพาะในราชวงศ์ซีลู่ มันเรียกว่าโลหิตพบทุกข์” ไป๋หลินยวนขัดจังหวะคำพูดเขา “เมื่อพบกับเลือด จะแพร่กระจายออกไปพร้อมกับเล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลง เตรียมที่จะทำการผ่าตัดเย็บแผลให้ฉินอี้“เฝ่ยชุ่ย ทำตามวิธีที่ทำตามปกติเถอะ ฆ่าเชื้อในห้องนี้เสีย” นางหยิบไหมเย็บแผลออกมาภายใต้ฤทธิ์ยาระงับประสาท นางฝืนบังคับให้มือตนเองไม่สั่นเทาทว่า นั่นก็เป็นเพียงแค่การฝืนมิให้สั่นเท่านั้นการเย็บแผลเป็นงานท
ประจวบเหมาะพอดี กับที่นี่นางไม่มียาระงับประสาทแล้วเมื่อไม่มียาระงับประสาท นางในยามนี้จึงมิอาจทำการผ่าตัดเย็บแผลได้เนื่องจากบาดแผลของฉินอี้รุนแรงมาก หากไม่เย็บแผล ช้าเร็วอย่างไรก็จะติดเชื้อ ถึงแก่ชีวิตได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าจะเรียกเฝ่ยชุ่ยเข้ามา“ข้าทำเอง” ไป๋หลินยวนเดินสองสามก้
“ท่านกำลังมิพอใจอันใดอยู่หรือ?” นางเดินมาหยุดข้างกายเขาพลางเอ่ยปลอบคล้ายกับเอ่ยปลอบเด็กตงฟางหลีมิเอ่ยคำใด ทว่าสีหน้าดำทะมึนนัก“ตงฟางหลี”เขายังคงมิพูดจาดังเดิม“หากท่านไม่พูด หม่อมฉันจะโกรธแล้วนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหลังกลับ “ท่านไม่พอใจก็ดี โมโหก็ดี บอกหม่อมฉันมาสิเพคะ ให้หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉั
“ตงฟางหลี”“อืม”“วันนี้หม่อมฉัน หลบกระบี่ของคนชุดเสื้อดำได้พ้น” นางราวกับกำลังพูดละเมอ “เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าจะหลบไม่พ้น”ตงฟางหลีได้ฟังหัวใจพลันบีบรัดแน่น รอให้นางกล่าวต่อไป“ครั้งแรกนั้น ยามที่กระบี่ของคนชุดดำกวัดแกว่งมา หม่อมฉันเดิมยังมิทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ ภายใต้การตอบสนองของร่างกาย หม่อมฉันจึงก
เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนฝูหรง ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์จงใจปิดบังเอาไว้มิให้ผู้ใดรู้คนในสวนฝูหรง เกินกว่าครึ่งมิรู้สถานการณ์ที่แท้จริง จึงยังมาทำงานเฉกเช่นในยามปกติสิ่งเดียวที่แปลกไปคือ ลานเรือนของฮูหยินรองและคุณหนูสามถูกแปะด้วยแผ่นกระดาษ มิว่าผู้ใดก็มิอาจเข้าไปได้บรรดาแม่นมสะใภ้และสาวใช้ต่างพูดซุบซิบนินท
ในใจราวกับมีอะไรบางอย่างขวางกั้นไว้ กดดันจนทำเอาหอบหายใจไม่ทันบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียดนางเดินไปเดินมาภายในห้องมิหยุดหย่อน มิอาจสงบจิตใจลงได้เลยแม้แต่น้อย“เสาเย่า เจ้ากลับมาก่อน” ไม่รู้นางนึกถึงสิ่งใด จู่ ๆ พลันตะโกนเรียกออกมาเสาเย่าที่เดินจนถึงประตูแล้วได้ยินเสียงเรียก ก็รีบร้อนวิ่งกลั
“ย่อมเป็นความจริงเพคะ” ฉินเสวี่ยเย่ว์เอ่ย “น้องสาวของหม่อมฉันต้องการจะแต่งกับท่านอ๋องซื่อจื่อเท่านั้น และท่านอ๋องซื่อจื่อก็ให้ความสนใจกับปี้เอ๋อร์เช่นเดียวกัน เฮ้อ เพียงแต่ฐานะของท่านอ๋องซื่อจื่อสูงส่ง ปี้เอ๋อร์กลับเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยาคนหนึ่ง พวกเขาถูกชะตาชีวิตกำหนดให้ต้องเป็นคู่นกยวนยางที่มี
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ควรจะหาทางลงตาม ด้วยการทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กผู้ใดจะรู้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ลงตามก็ช่างเถอะ ยังทำลายทางลงทิ้งจนหมดสิ้น!“พระชายาอ๋องเจ็ดพูดเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการเข้าใจผิดกัน” พระสนมหรงฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ในวังหลวงแห่งนี้มีกฎเข้มงวดมาก หากเหล่านางกำนัลเดินผิด
ตอนที่นางกำนัลสี่คนโอบล้อมเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้ตอบโต้ปล่อยให้พวกนางลากจูงได้ตามใจชอบครั้นเหล่านางกำนัลเห็นว่านางไม่ตอบโต้ จึงลงมือรุนแรงขึ้นบางคนดึงผม บางคนดึงอาภรณ์ของนาง หรือแม้กระทั่งยังมีบางคนฉวยโอกาสตีนางหลายครั้งหลังจากป้าฉาดึงตัวนางออกมา ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิง อาภรณ์ที่เดิมสกปรกถูกฉีกทึ้
“ลงมือ!"ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงต่ำตำหนักมิอาจเทียบได้กับจวนอ๋อง แต่ละพระสนมย่อมมีประวัติความเป็นมาป้าฉาเคยเตือนนางไว้ว่า เรื่องในวังหลวงหากทนได้ก็ให้ทน มากขึ้นหนึ่งเรื่องมิสู้น้อยลงหนึ่งเรื่องทว่า!นิสัยอารมณ์ร้อนของนางนี้ทนการหาเรื่องหาความโดยไม่มีสาเหตุเช่นนี้ไม่ได้ผู้ใดทำให้นางไม่มีความสุ
ฝ่ามือนี้เรี่ยวแรงมากทีเดียว สะเทือนจนนางกำนัลถึงกับตาลาย“เจ้ากล้าตบข้ารึ?” นางกำนัลจับจ้องฉินเหยี่ยนเย่ว์ “แค่สาวใช้จุดเตาไฟคนหนึ่ง กล้าตบข้าเชียวรึ?”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร...”เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!ไม่รอให้นางพูดจบ ฝ่ามือก็ตวัดลงบนใบหน้าติด ๆ กันเรี่ยวแรงมากขึ้นทุกครั้งที่ลงมือตอนที่นา
“พระสนมหรง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่มีความทรงจำ และคร้านจะทักทาย จึงเดินต่อไป“นี่มันท่าทีอะไรของเจ้ากัน?” นางกำนัลถูกการตอบสนองของนางกระตุ้นให้โมโหนางกำนัลชั้นล่างเนื้อตัวสกปรกผู้หนึ่ง ถึงกับกล้าไม่มองพระสนมหรง!“ยังไม่คุกเข่าคารวะอีก พระสนมอวิ๋นสอนกฎเช่นนี้หรือ?”“ท่าทีของข้าเป็นอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย
ระหว่างที่พูด ขนของแกะตัวแรกก็ผิงจนแห้งแล้ว จึงวิ่งไปหานมที่แม่แกะที่นั่นอย่างกระตือรือร้นหลังจากป้าฉาอุ้มลูกแกะตัวที่สองออกมา ก็ทำเหมือนกับเมื่อครู่นี้ วางไว้ข้างกองไฟด้วยความระมัดระวังเพิ่งจะผิงไฟได้สิบนาที แม่แกะก็เปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง“ยังมีอีกตัว!”ป้าฉาถึงกับตกตะลึง “แกะตัวนี้ตั้งท้องส
“พระชายาอ๋องเจ็ดท่านมาได้เวลาพอดีเลยเพคะ มาช่วยกันสักหน่อย” ป้าฉายุ่งจนเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้า “แกะตัวนี้กำลังจะคลอดแล้ว เร็วเพคะ เอาฟืนที่อยู่ด้านนั้นมา”ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรีบหอบฟางแห้งเข้าไป“มิใช่พวกนี้เพคะ เป็นกิ่งไม้เหล่านั้นต่างหาก” ป้าฉาพูด “ต้องใช้กิ่งไม้ที่หนาสักหน่อย ฟางแห้งใช้ไม่ได้เพคะ
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฉินเหยี่ยนเย่ว์พักอยู่ตำหนักซีอวิ๋นของพระสนมอวิ๋นได้ห้าวันแล้วผลข้างเคียงของยาระงับประสาทกำใหญ่ค่อนข้างมากทีเดียวนางเอาแต่เหี่ยวแห้งอยู่ทั้งวัน กินแล้วก็นอน พอนอนเสร็จแล้วก็กิน ได้สัมผัสกับวันที่ถูกเลี้ยงดูเป็นหมูอย่างแท้จริงพอถึงวันที่ห้า สติสัมปชัญญะของนางถึงได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากหอแดงแห่งนี้แล้ว การที่หมิ่นจูจะเป็นหรือตาย หาได้เกี่ยวกับเขาไม่“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ นายท่านเพียงแค่เล่นสนุกเท่านั้น” คนสนิทพยักหน้า “ฮูหยินหมิ่นอายุมาก รูปร่างหน้าตาไม่งดงาม ไม่เหมาะสมกับนายท่านจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่” องค์ชายหกหรี่ตา “ข้ามิได้เล่นสนุก”ยามที่อยูด้