สีหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนเป็นสีเข้ม จ้องเขม็งไปที่ตู้เหิงอย่างดุเดือดตู้เหิงไหวไหล่ “ท่านอ๋องจ้องข้าทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ? ข้าเพียงอยากรู้ว่ามันเจ็บหรือไม่ ดูท่าทีที่เจ็บปวดมากของท่านแล้ว ท่านอ๋องยังรู้สึกเจ็บ เช่นนั้นจะต้องเจ็บปวดแทบตายเป็นแน่”ตงฟางหลีขี้คร้านเกินกว่าจะสนใจเขา หลับตา และรอให้ฉินเหยี่ย
ตู้เหิงตรวจดูบาดแผลของตน จริง ๆ แล้วในคราแรกพิษแพร่กระจายเร็วมาก ต่อมาไม่รู้เพราะเหตุใดก็หยุดแพร่กระจายไปแม้ว่าจะไม่แพร่กระจายแล้ว แต่ก็เจ็บมาก“พระชายาลําเอียง” เขาพึมพำฉินเหยี่ยนเย่ว์ขี้เกียจจะสนใจเขานางเฝ้าดูบาดแผลของพวกเขาที่ค่อย ๆ คงที่ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางเปิดประตูและหน้าต่างทั้งหม
“จีอู๋เยียน ถือว่าข้าขอร้องเจ้าล่ะ เจ้าอย่าปะทะกับไป๋หลินยวนที่นี่เลยนะ หากเจ้าลงมือกับเขา ข้อตกลงของเราก็ไม่นับแล้ว”เมื่อพูดถึงข้อตกลง ความเฉยเมยในดวงตาของจีอู๋เยียนก็กระจัดกระจายไปเล็กน้อยสำหรับอวี้เอ๋อร์แล้ว ไม่ว่าอะไรเขาก็สามารถทำได้“หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าจำสิ่งที่รับปากกับข้าไว้ ทำใ
ตู้เหิงรู้สึกไม่ดีไปทั่วทั้งร่าง “ท่านหมอไป๋ ท่านอย่ามองข้าแบบนั้นสิ ท่านมองจนทำให้ในใจข้ากลัวนะ ข้าเป็นอะไรไป? เป็นโรคร้ายถึงขั้นรักษาไม่หายหรือ? พระชายา ช่วยข้าด้วย”“นี่คือพิษที่มีเฉพาะในราชวงศ์ซีลู่ มันเรียกว่าโลหิตพบทุกข์” ไป๋หลินยวนขัดจังหวะคำพูดเขา “เมื่อพบกับเลือด จะแพร่กระจายออกไปพร้อมกับเล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้อารมณ์สงบลง เตรียมที่จะทำการผ่าตัดเย็บแผลให้ฉินอี้“เฝ่ยชุ่ย ทำตามวิธีที่ทำตามปกติเถอะ ฆ่าเชื้อในห้องนี้เสีย” นางหยิบไหมเย็บแผลออกมาภายใต้ฤทธิ์ยาระงับประสาท นางฝืนบังคับให้มือตนเองไม่สั่นเทาทว่า นั่นก็เป็นเพียงแค่การฝืนมิให้สั่นเท่านั้นการเย็บแผลเป็นงานท
ประจวบเหมาะพอดี กับที่นี่นางไม่มียาระงับประสาทแล้วเมื่อไม่มียาระงับประสาท นางในยามนี้จึงมิอาจทำการผ่าตัดเย็บแผลได้เนื่องจากบาดแผลของฉินอี้รุนแรงมาก หากไม่เย็บแผล ช้าเร็วอย่างไรก็จะติดเชื้อ ถึงแก่ชีวิตได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทำท่าจะเรียกเฝ่ยชุ่ยเข้ามา“ข้าทำเอง” ไป๋หลินยวนเดินสองสามก้
“ท่านกำลังมิพอใจอันใดอยู่หรือ?” นางเดินมาหยุดข้างกายเขาพลางเอ่ยปลอบคล้ายกับเอ่ยปลอบเด็กตงฟางหลีมิเอ่ยคำใด ทว่าสีหน้าดำทะมึนนัก“ตงฟางหลี”เขายังคงมิพูดจาดังเดิม“หากท่านไม่พูด หม่อมฉันจะโกรธแล้วนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหลังกลับ “ท่านไม่พอใจก็ดี โมโหก็ดี บอกหม่อมฉันมาสิเพคะ ให้หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉั
“ตงฟางหลี”“อืม”“วันนี้หม่อมฉัน หลบกระบี่ของคนชุดเสื้อดำได้พ้น” นางราวกับกำลังพูดละเมอ “เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าจะหลบไม่พ้น”ตงฟางหลีได้ฟังหัวใจพลันบีบรัดแน่น รอให้นางกล่าวต่อไป“ครั้งแรกนั้น ยามที่กระบี่ของคนชุดดำกวัดแกว่งมา หม่อมฉันเดิมยังมิทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ ภายใต้การตอบสนองของร่างกาย หม่อมฉันจึงก
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ