“นายท่าน ท่านอย่าได้ไปฟังคำให้ร้ายของเขา มิใช่หม่อมฉัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการใส่ร้าย” ฮูหยินรองกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หม่อมฉันหาได้รู้จักคนจำพวกนี้ไม่ เป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ติดสินบนพวกเขาให้มาใส่ร้ายหม่อมฉัน นายท่าน ท่านต้องสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดนะเจ้าคะ หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์”“เจ้า
หลังจากที่ฉินอี้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วนั้น ในที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงได้มีท่าทีและทัศนคติเช่นนี้หากว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นเป็นหมิ่นอวี้และปี้เย่ว์ที่ร่วมมือกันเพื่อพามาจัดการกับเหยี่ยนเย่ว์แล้ว หากว่าเหยี่ยนเย่ว์ประมาทไปเพียงเล็กน้อย เกรงว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นอาจจะทำแผ
นางรู้ดีว่าด้วยนิสัยโหดร้ายเช่นนั้นของตงฟางหลี จะต้องนึกถึงมาตรการตอบโต้เป็นชุดเพื่อลงโทษสองแม่ลูกหมิ่นอวี้และฉินปี้เย่ว์ตงฟางซั่วจะเข้ารับตำแหน่งผู้หัวหน้าศาลต้าหลี่ชั่วคราว และยังสอบสวนคดีของฉินปี้เย่ว์ด้วย ต้องสอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอนครั้นเปรียบเทียบฉินปี้เย่ว์ที่เสียหน้าและสูญเสีย
“ไม่ ไม่ใช่ข้า” หมิ่นอวี้ถูกฉินอี้ถาม สีหน้าจึงดูตื่นตระหนก “นายท่าน ท่านต้องเชื่อข้านะ พี่เฟิ่งซีกับข้ารักกันเหมือนพี่น้อง พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร? เป็นเหยี่ยนเย่ว์ฟั่นเฟือน พูดจาแต่เรื่องเหลวไหล”ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินหมิ่นอวี้พูดถึงชื่อแม่ของนาง นางจึงเดิ
ฉินอี้มองไปยังหมิ่นอวี้ที่ดูโหดร้าย ราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักนางเขากำหมัดแน่น ใบหน้าสีดำทะมึนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเสียใจ ความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งอดีต และความโกรธ...ทุกอารมณ์หลากหลายได้หลั่งไหลท่วมท้นจนกลายเป็นความโกรธในที่สุด“ครั้งแรกที่ข้าพบกับเฟิ่งซี ก็รู้ได้ทันทีว่าน
“นายท่าน ท่านต้องมองให้ชัดว่าพวกเขากำลังรวมหัวกันมาหลอกลวงพวกเรา” หมิ่นอวี้ยังคงใช้กลอุบายที่เก่งฉกาจที่สุดต่อไป “เมื่อพวกเราถูกพาตัวไปที่ศาลต้าหลี่ สกุลฉินก็จะจบสิ้นแล้ว…”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงนางให้โอกาสหมิ่นอวี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องการให้หมิ่นอวี้เป็นฝ่ายยอมรับความผิดเอง และพยายามจะรักษาส
“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือตงฟางหลีนางไม่เกรงกลัวคำสาปแช่งใดทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงคนนางเพียงแค่กลัวเลือดที่นองเต็มพื้นนี้เท่านั้นเอง“ตงฟางหลี หม่อมฉันคิดว่าหมิ่นอวี้ผิดปกติ” นางพูดอย่างกังวล “หม่อมฉันมักจะรู้สึกถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย”“ไม่เป็นไร อีกประเดี๋ยวก็จบแล้ว” ตงฟางหลีปล
ท้องฟ้าสลัวประกายแสงรำไรเห็นได้ชัดว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนยามเย็น อากาศมืดครึ้มปกคลุมเมืองเมฆขุ่นสีเทาเหลืองแผ่ไพศาลเต็มท้องฟ้า เมฆล่องลอยอยู่ท่ามกลางภูเขาว่างเปล่าแข็งค้างไม่ไหลไปมีลมกระโชกแรงอีกครา อากาศเย็นลงในหมู่แสงสลัวยามเช้าตรู่ เลือดนองทั่วพื้นควบแน่นกลายเป็นสีม่วงท
ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห
แม้ว่าฮ่องเต้จะมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ก็ยังคงตะลึงงันกับคำพูดนี้“เรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” เขาพึมพำทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ แม้แต่เทพเซียนเหนือกาลเวลาก็ไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งกระมัง“หม่อมฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกันเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ทว่า เสด็จแม่ก็ทลายแ
ฮ่องเต้เหลือเชื่อยิ่งนักเขาคว้าข้อมือของนาง แล้วสัมผัสอยู่นาน ชีพจรเต้นช้าเล็กน้อย ทว่ายังเต้นอยู่พระสนมอวิ๋นหลับตาแน่น และใบหน้าแสนเสน่ห์แดงเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะแสงแดดนางเกิดมาก็งดงามมากแล้วท่ามกลางแสงอาทิตย์แผ่ปกคลุม สะท้อนรูปลักษณ์ที่งามหยาดเยิ้ม“อวิ๋นเอ๋อร์?” ฮ่องเต้เกร็งลำคอแน่นยังมีชีวิต
ลู่ซิวไปนอนบนขอบที่นอน ประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะต่างหมอนเขาหลับตาลง พลางเอ่ยถามอย่างไม่เป็นทางการ “ท่านอ๋องเคยดีใจกับการตัดสินใจของตัวเองเมื่อกี่เดือนก่อนหรือไม่?”“อะไร?”“หลังจากเหตุการณ์นั้นในเทศกาลไหว้พระจันทร์เกิดขึ้น ทั่วทั้งเมืองอยู่ในความโกลาหล” ลู่ซิวตอบ “ท่านแต่งงานกับนางท่ามกลางด่านหน้าอ
เหนื่อยมาก เหนื่อยจนเกียจคร้านจะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่า คุ้มค่ามาก!“ตงฟางหลี หม่อมฉันเหนื่อยนิดหน่อย ไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ” หลังจากที่นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สายที่ตึงนั้นก็ผ่อนคลายลงนางลุกขึ้นยืนลุกขึ้นได้ไม่นาน คนก็ล้มตัวโยนลงไปอีกครั้ง“ระวังตัวด้วย” ตงฟางหลีกอดนางอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรเพคะ” ฉินเหยี่ย
อากาศสงบนิ่ง และเงียบสงัดทุกคนในห้องต่างกลั้นหายใจและตั้งสมาธิลู่จิ้นถือหูฟังแพทย์ ตรวจการเต้นของหัวใจของพระสนมอวิ๋นอย่างถี่ถ้วนจังหวะหัวใจเต้นแทบจะไม่มีเลยสีหน้าของเขาเคร่งขรึม และฟังอย่างอดทนเวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย ยังคงไม่มีการเต้นของหัวใจ“เฮ้อ” ลู่จิ้นถอนหายใจและวางหูฟังแพทย์ลง “บางที เป็นข
เริ่มแรกเดิมทีนางก็เคยสงสัยว่ายาลูกกลอนหมดอายุแล้ว ทว่าหลังจากคิดให้ดีว่า ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังของปู่แล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น“ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูดี ๆ เกี่ยวกับยาลูกกลอนนี้ ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”ลู่จิ้นบีบคางพลางครุ่นคิดยาลูกกลอนนี้ เขาเคยเห็นเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นก็เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้า
“มองผิดแล้วกระมัง” ตงฟางหลีอดไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ของพระสนมอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับเตียง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หม่อมฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำนางตรวจทั่วทั้งร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว และรู้สึกว่ามีบางจุดต่างออกไปทว่าหลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบสิ่งใดที่ต่า
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล