“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือตงฟางหลีนางไม่เกรงกลัวคำสาปแช่งใดทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงคนนางเพียงแค่กลัวเลือดที่นองเต็มพื้นนี้เท่านั้นเอง“ตงฟางหลี หม่อมฉันคิดว่าหมิ่นอวี้ผิดปกติ” นางพูดอย่างกังวล “หม่อมฉันมักจะรู้สึกถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย”“ไม่เป็นไร อีกประเดี๋ยวก็จบแล้ว” ตงฟางหลีปล
ท้องฟ้าสลัวประกายแสงรำไรเห็นได้ชัดว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนยามเย็น อากาศมืดครึ้มปกคลุมเมืองเมฆขุ่นสีเทาเหลืองแผ่ไพศาลเต็มท้องฟ้า เมฆล่องลอยอยู่ท่ามกลางภูเขาว่างเปล่าแข็งค้างไม่ไหลไปมีลมกระโชกแรงอีกครา อากาศเย็นลงในหมู่แสงสลัวยามเช้าตรู่ เลือดนองทั่วพื้นควบแน่นกลายเป็นสีม่วงท
ทั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์และเฟ่ยชุ่ยต่างก็ไม่มีวรยุทธ์เลย ครั้นต้องหลบการโจมตีของอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากมากก่อนหน้านี้ ที่นางจัดการด้วยคือคนที่มีวรยุทธ์ย่ำแย่มากอย่างไป๋โค้วและซูเตี่ยนฉิงเท่านั้น พวกนางจะมีอาการพะว้าพะวังต่าง ๆ นางจึงสามารถใช้คำพูดเพื่อทำให้พวกนางผ่อนคลายความระมัดระวังได้ทว
“เหยี่ยนเย่ว์” ตงฟางหลีกัดฟัน รวบรวมสติ และอยากจะหลุดพ้นจากการต่อสู้อุตลุดกับชายชุดดำ ลากร่างที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ไปหาฉินเหยี่ยนเย่ว์เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ไม่มีใจจะต่อสู้ กอร์ปกับการกระจายของพิษประหลาด จึงถูกชายชุดดำแทงกระบี่อีกหลายครั้งเหมือนกับเมื่อครู่ หลังจากถูกแทง พิษก
“ใต้เท้าฉิน...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดไม่ถึงว่าฉินอี้จะรับดาบแทนนาง สีหน้าของนางซับซ้อนมาก “ไยต้องทำเช่นนี้ด้วย?”ยาพิษบนดาบแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และใบหน้าของฉินอี้ก็ซีดลงทว่าบนใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “เพราะว่า เจ้าเป็นลูกสาวของข้า”บาดแผลของเขาลึกมากจนทะลุแผ่นหลัง ค่อนข้างใกล้กับอวัยวะภายใน ยาพิ
สวนฝูหรงที่ตึงเครียดพลันสงบลงถ้าไม่ใช่เพราะศพบนพื้นยังอยู่ การต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ก็เป็นเหมือนความฝันหนึ่งฉาก“เกิดอะไรขึ้น?” ตู้เหิงตกตะลึงเขามองชายชุดดำที่ล้มลงบนพื้น ก้าวไปข้างหน้าตรวจลมหายใจแล้วชักมือกลับทันที สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ตายแล้วรึ?”ชายชุดดำที่ยังโหดเหี้ยมมากเมื่อครู่ จู่ ๆ ก็ตายแล
อุณหภูมิร่างกายของฉินอี้ต่ำมาก ลมหายใจแผ่วเบาจนแทบสัมผัสไม่ได้ หากบรรยายว่าเขากำลังจะตายก็ไม่เกินจริงเลย“นี่ ข้าไม่อยากติดหนี้ท่านนะ ท่านห้ามตายเด็ดขาดเลย” สองมือของฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่นเทานางเลิกเสื้อด้านหลังของฉินอี้ ผิวหนังด้านหลังทั้งหมดกลายเป็นสีช้ำดำเขียวทั้งหมด และบาดแผลที่ปริออกเปื้อนเลือดเต
สีหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนเป็นสีเข้ม จ้องเขม็งไปที่ตู้เหิงอย่างดุเดือดตู้เหิงไหวไหล่ “ท่านอ๋องจ้องข้าทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ? ข้าเพียงอยากรู้ว่ามันเจ็บหรือไม่ ดูท่าทีที่เจ็บปวดมากของท่านแล้ว ท่านอ๋องยังรู้สึกเจ็บ เช่นนั้นจะต้องเจ็บปวดแทบตายเป็นแน่”ตงฟางหลีขี้คร้านเกินกว่าจะสนใจเขา หลับตา และรอให้ฉินเหยี่ย
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได