หลังจากที่ฉินอี้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วนั้น ในที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงได้มีท่าทีและทัศนคติเช่นนี้หากว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นเป็นหมิ่นอวี้และปี้เย่ว์ที่ร่วมมือกันเพื่อพามาจัดการกับเหยี่ยนเย่ว์แล้ว หากว่าเหยี่ยนเย่ว์ประมาทไปเพียงเล็กน้อย เกรงว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นอาจจะทำแผ
นางรู้ดีว่าด้วยนิสัยโหดร้ายเช่นนั้นของตงฟางหลี จะต้องนึกถึงมาตรการตอบโต้เป็นชุดเพื่อลงโทษสองแม่ลูกหมิ่นอวี้และฉินปี้เย่ว์ตงฟางซั่วจะเข้ารับตำแหน่งผู้หัวหน้าศาลต้าหลี่ชั่วคราว และยังสอบสวนคดีของฉินปี้เย่ว์ด้วย ต้องสอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอนครั้นเปรียบเทียบฉินปี้เย่ว์ที่เสียหน้าและสูญเสีย
“ไม่ ไม่ใช่ข้า” หมิ่นอวี้ถูกฉินอี้ถาม สีหน้าจึงดูตื่นตระหนก “นายท่าน ท่านต้องเชื่อข้านะ พี่เฟิ่งซีกับข้ารักกันเหมือนพี่น้อง พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร? เป็นเหยี่ยนเย่ว์ฟั่นเฟือน พูดจาแต่เรื่องเหลวไหล”ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินหมิ่นอวี้พูดถึงชื่อแม่ของนาง นางจึงเดิ
ฉินอี้มองไปยังหมิ่นอวี้ที่ดูโหดร้าย ราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักนางเขากำหมัดแน่น ใบหน้าสีดำทะมึนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเสียใจ ความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งอดีต และความโกรธ...ทุกอารมณ์หลากหลายได้หลั่งไหลท่วมท้นจนกลายเป็นความโกรธในที่สุด“ครั้งแรกที่ข้าพบกับเฟิ่งซี ก็รู้ได้ทันทีว่าน
“นายท่าน ท่านต้องมองให้ชัดว่าพวกเขากำลังรวมหัวกันมาหลอกลวงพวกเรา” หมิ่นอวี้ยังคงใช้กลอุบายที่เก่งฉกาจที่สุดต่อไป “เมื่อพวกเราถูกพาตัวไปที่ศาลต้าหลี่ สกุลฉินก็จะจบสิ้นแล้ว…”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงนางให้โอกาสหมิ่นอวี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องการให้หมิ่นอวี้เป็นฝ่ายยอมรับความผิดเอง และพยายามจะรักษาส
“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จับมือตงฟางหลีนางไม่เกรงกลัวคำสาปแช่งใดทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงคนนางเพียงแค่กลัวเลือดที่นองเต็มพื้นนี้เท่านั้นเอง“ตงฟางหลี หม่อมฉันคิดว่าหมิ่นอวี้ผิดปกติ” นางพูดอย่างกังวล “หม่อมฉันมักจะรู้สึกถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย”“ไม่เป็นไร อีกประเดี๋ยวก็จบแล้ว” ตงฟางหลีปล
ท้องฟ้าสลัวประกายแสงรำไรเห็นได้ชัดว่าเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนยามเย็น อากาศมืดครึ้มปกคลุมเมืองเมฆขุ่นสีเทาเหลืองแผ่ไพศาลเต็มท้องฟ้า เมฆล่องลอยอยู่ท่ามกลางภูเขาว่างเปล่าแข็งค้างไม่ไหลไปมีลมกระโชกแรงอีกครา อากาศเย็นลงในหมู่แสงสลัวยามเช้าตรู่ เลือดนองทั่วพื้นควบแน่นกลายเป็นสีม่วงท
ทั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์และเฟ่ยชุ่ยต่างก็ไม่มีวรยุทธ์เลย ครั้นต้องหลบการโจมตีของอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากมากก่อนหน้านี้ ที่นางจัดการด้วยคือคนที่มีวรยุทธ์ย่ำแย่มากอย่างไป๋โค้วและซูเตี่ยนฉิงเท่านั้น พวกนางจะมีอาการพะว้าพะวังต่าง ๆ นางจึงสามารถใช้คำพูดเพื่อทำให้พวกนางผ่อนคลายความระมัดระวังได้ทว
งูมีพิษร้ายแรง หากกัดโดนเฮยตั้น เฮยตั้นก็ลำบากแล้ว“เมี้ยว!เฮยตั้ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะใช้กรงเล็บน้อย ๆ ตะปบส่วนหัวของงูเพลิงแดงอย่างแรง ปากก็กัดเข้าที่หางของงู แล้วสะบัดอย่างแรง จนงูเพลิงแดงถูกสะบัดจนหมดสติไปอีกครั้งตัวของมันแตกต่างจากตัวอวบอ้วนของเฮยตั้น ความเร็วของมันก็รวดเร็วมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่”“ท่านต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่นอน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ตงฟางหลีมีนิสัยสุขุม หากไม่ใช่เขาได้รับข่าวอะไรมา คงไม่พูดถ้อยคำเช่นนี้ออกมาเขาไม่มีทางลองหยั่งเชิงขึ้นง่าย ๆ“พลั้งปากพูดเท่านั้น” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เจ้าคิดไปถึงที่ใด?”“ล้วนเป็นแกะเหมือนกัน ท่าทีของเจ้ากลับไม่เหมือน
“ไม่ได้หรือ?” ตงฟางหลีหัวเราะเสียงเบา“ได้ก็ได้อยู่หรอกเพคะ แต่มักจะรู้สึกว่าท่านทำตัวแปลกชอบกล” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิด หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน “พี่เจ็ด ท่านคงไม่ได้ทำอะไรผิดมา จึงตั้งใจจัดงานเลี้ยงหงเหมินนี้ขึ้นเพื่อมาหลอกหม่อมฉันกระมัง?”“ไม่”“หม่อมฉันไม่เชื่อ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์วางตะเกียบลง“ไม่ม
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าพิพักพิพ่วนนางช่วยป้าฉาวางเตาไฟขนาดเล็กบนโต๊ะป้าฉาไปกลับยกเนื้อและผักที่หั่นไว้เรียบร้อยแล้วมา“น้ำแกงนี้ต้มมานานมากแล้ว ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่ารสชาติพอใช้ได้บ้างหรือไม่?” ป้าฉาพูด “เครื่องปรุงรสที่ท่านชอบบ่าวได้ให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว ซอสหอยนางรมนั่นบ่าวไม่เคยใช้มาก่อน จึงได้ทำ
มันเหมือนกับจะเริ่มขัดแย้งกับตงฟางหลี ทำแต่ละอย่างล้วนแต่จงใจทำให้เขาโกรธนางก้าวเข้าไปข้างหน้า ลูบท้องน้อยของมันเดิมทีแมวไม่ชอบให้ลูบท้องทว่าเฮยตั้นกลับเป็นข้อยกเว้น มันมีสีหน้ามีความสุข เปล่งเสียงครางอย่างมีความสุขจากในลำคอดวงตาสีทองคู่นั้นหรี่ลงน้อย ๆ ราวกับพออกพอใจกับการบริการของฉินเหยี่ยนเย่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองสีหน้าแปรเปลี่ยนไปของตงฟางหลี ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าเขาในวัยเยาว์ถูกไท่เฟยฉางขังไว้ในกรงสุนัข ภายในใจของนางก็ได้กลั้นโทสะนี้ไว้แล้วนางไม่เคยเห็นท่าทีน่าเวทนาของพี่เจ็ดตอนที่เขายังวัยเยาว์ก็จริงทว่า เคยเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าเก้าถูกทารุณมาด้วยตาของตนเองแ
มันหาตำหนักซีอวิ๋นเจอได้อย่างไร?“เจ้ารู้จักแมวตัวนี้หรือ?” สีหน้าตงฟางหลีดำครึ้ม“รู้จักเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สีหน้าสับสนเล็กน้อยเมื่อครู่นี้ในห้องมิได้จุดไฟไว้ มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเฮยตั้นขดตัวนอนหลับอยู่บนเตียง ภายใต้แสงสะท้อนจากแสงสว่างที่อยู่ไกลออกไป และภายใต้ความบังเอิญได้เกิ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาตลอดถูกทำให้ตกใจแล้วจริง ๆ จึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้ต่อ หมุนกายวิ่งออกไปข้างนอกเพิ่งจะถึงประตู พลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่เย็นยะเยือก“ยัยหนู?” ตงฟางหลีเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังทำอะไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เงยหน้า ครั้นมองเห็นใบหน้าตกตะลึงของตงฟางหลี พลันเบาใจลงทันควัน ก่อน
“ข้าไม่อยากเห็นสิ่งนั้น ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะหาคนที่มีดวงชะตาสอดคล้องกับข้าภายในเวลาสั้นที่สุดได้แน่นอน”ป้าผิงนิ่งไม่ไหวติงบนใบหน้าที่ดูคล้ายกับหน้าปลอมนั้นเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาครั้นนางจับจ้องไท่เฟยฉางที่อยู่ในอาการหวาดกลัวครู่ใหญ่ ก็ได้ใช้เสียงกลแหบพร่าพูดต่อไป “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ท่า