ฉินอี้ได้ยินฉินเหยี่ยนเย่ว์เรียกตนเองว่าเด็กกำพร้า ร่างกายพลันสั่นไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยตะคอกด้วยความโกรธเคือง “เหยี่ยนเย่ว์ นี่เจ้าตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับข้าหรือ?”ประกายในแววตาฉินเหยี่ยนเย่ว์เย็นยะเยือกดั่งดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไปมิใช่นางคิดจะสะบั้นความสัมพันธ์ หากเป็นเพราะ นางและฉินอี้เดิมก
เขาเดินเยื้องย่างเข้ามาในสวนฝูหรงอย่างช้า ๆ ใบหน้างดงามล่มเมืองนั้นเจือกลิ่นอายของความเย็นชาที่พาให้คนหวาดกลัว ทำให้ฤดูเหมันต์นับเก้านี้หนาวเหน็บขึ้นหลายส่วนแสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านกระเบื้องเคลือบลงมา สะท้อนลงบนอาภรณ์ปักลวดลายของเขา ดิ้นทองด้ายเงินลายมังกรบนร่างกำลังส่องประกายในแสงฤดูหนาว ยิ่งทำให้เข
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนสีของฮูหยินรองในทันทีแววตาของนางจึงส่งประกายระยิบระยับออกมา พร้อมทั้งหัวเราะเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อยเดิมทีฉินเหยี่ยนเย่ว์ตั้งใจจะลงโทษหมิ่นอวี้โดยมิให้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลฉิน สิ่งใดที่ควรนำกลับคืนมาเป็นของนาง นางก็จักเรียกกลับคืนมาทำเช่นไรได้ ในเมื่อ
ฮูหยินรองตกตะลึงไปในทันที ก่อนจะก้าวเข้ามาบดบังสายตาฉินปี้เย่ว์โดยไม่รู้ตัว “ปี้เอ๋อร์ ปี้เอ๋อร์ของแม่ ทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด นี่เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น”“เด็กดี เจ้าหลับอีกครู่หนึ่งเถิด หลังจากตื่นขึ้นมานั้น เรื่องราวทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว”ฉินปี้เย่ว์ส่ายหัวไปมาด้วยท่าทีเหม่อลอย
“ปี้เอ๋อร์” ฮูหยินรองพลางร่ำไห้ออกมา “เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ นี่เป็นเพียงความฝันแค่ตื่นหนึ่งเท่านั้น หาใช่เรื่องจริงไม่”“นายท่าน” เมื่อฮูหยินรองเห็นฉินปี้เย่ว์มีท่าทีเช่นนั้น นางได้แต่กัดฟันกล่าวออกมาว่า “ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการบังคับให้ปี้เอ๋อร์ตายทั้งเป็น นางอยากให้หม่อมฉันตาย อยากให้ทุกคนในตระกูลฉิ
“นายท่าน ท่านอย่าได้ไปฟังคำให้ร้ายของเขา มิใช่หม่อมฉัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการใส่ร้าย” ฮูหยินรองกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หม่อมฉันหาได้รู้จักคนจำพวกนี้ไม่ เป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ติดสินบนพวกเขาให้มาใส่ร้ายหม่อมฉัน นายท่าน ท่านต้องสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดนะเจ้าคะ หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์”“เจ้า
หลังจากที่ฉินอี้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วนั้น ในที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงได้มีท่าทีและทัศนคติเช่นนี้หากว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นเป็นหมิ่นอวี้และปี้เย่ว์ที่ร่วมมือกันเพื่อพามาจัดการกับเหยี่ยนเย่ว์แล้ว หากว่าเหยี่ยนเย่ว์ประมาทไปเพียงเล็กน้อย เกรงว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นอาจจะทำแผ
นางรู้ดีว่าด้วยนิสัยโหดร้ายเช่นนั้นของตงฟางหลี จะต้องนึกถึงมาตรการตอบโต้เป็นชุดเพื่อลงโทษสองแม่ลูกหมิ่นอวี้และฉินปี้เย่ว์ตงฟางซั่วจะเข้ารับตำแหน่งผู้หัวหน้าศาลต้าหลี่ชั่วคราว และยังสอบสวนคดีของฉินปี้เย่ว์ด้วย ต้องสอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอนครั้นเปรียบเทียบฉินปี้เย่ว์ที่เสียหน้าและสูญเสีย
ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห
แม้ว่าฮ่องเต้จะมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ก็ยังคงตะลึงงันกับคำพูดนี้“เรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” เขาพึมพำทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ แม้แต่เทพเซียนเหนือกาลเวลาก็ไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งกระมัง“หม่อมฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกันเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ทว่า เสด็จแม่ก็ทลายแ
ฮ่องเต้เหลือเชื่อยิ่งนักเขาคว้าข้อมือของนาง แล้วสัมผัสอยู่นาน ชีพจรเต้นช้าเล็กน้อย ทว่ายังเต้นอยู่พระสนมอวิ๋นหลับตาแน่น และใบหน้าแสนเสน่ห์แดงเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะแสงแดดนางเกิดมาก็งดงามมากแล้วท่ามกลางแสงอาทิตย์แผ่ปกคลุม สะท้อนรูปลักษณ์ที่งามหยาดเยิ้ม“อวิ๋นเอ๋อร์?” ฮ่องเต้เกร็งลำคอแน่นยังมีชีวิต
ลู่ซิวไปนอนบนขอบที่นอน ประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะต่างหมอนเขาหลับตาลง พลางเอ่ยถามอย่างไม่เป็นทางการ “ท่านอ๋องเคยดีใจกับการตัดสินใจของตัวเองเมื่อกี่เดือนก่อนหรือไม่?”“อะไร?”“หลังจากเหตุการณ์นั้นในเทศกาลไหว้พระจันทร์เกิดขึ้น ทั่วทั้งเมืองอยู่ในความโกลาหล” ลู่ซิวตอบ “ท่านแต่งงานกับนางท่ามกลางด่านหน้าอ
เหนื่อยมาก เหนื่อยจนเกียจคร้านจะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่า คุ้มค่ามาก!“ตงฟางหลี หม่อมฉันเหนื่อยนิดหน่อย ไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ” หลังจากที่นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สายที่ตึงนั้นก็ผ่อนคลายลงนางลุกขึ้นยืนลุกขึ้นได้ไม่นาน คนก็ล้มตัวโยนลงไปอีกครั้ง“ระวังตัวด้วย” ตงฟางหลีกอดนางอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรเพคะ” ฉินเหยี่ย
อากาศสงบนิ่ง และเงียบสงัดทุกคนในห้องต่างกลั้นหายใจและตั้งสมาธิลู่จิ้นถือหูฟังแพทย์ ตรวจการเต้นของหัวใจของพระสนมอวิ๋นอย่างถี่ถ้วนจังหวะหัวใจเต้นแทบจะไม่มีเลยสีหน้าของเขาเคร่งขรึม และฟังอย่างอดทนเวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย ยังคงไม่มีการเต้นของหัวใจ“เฮ้อ” ลู่จิ้นถอนหายใจและวางหูฟังแพทย์ลง “บางที เป็นข
เริ่มแรกเดิมทีนางก็เคยสงสัยว่ายาลูกกลอนหมดอายุแล้ว ทว่าหลังจากคิดให้ดีว่า ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังของปู่แล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น“ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูดี ๆ เกี่ยวกับยาลูกกลอนนี้ ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”ลู่จิ้นบีบคางพลางครุ่นคิดยาลูกกลอนนี้ เขาเคยเห็นเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นก็เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้า
“มองผิดแล้วกระมัง” ตงฟางหลีอดไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ของพระสนมอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับเตียง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หม่อมฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำนางตรวจทั่วทั้งร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว และรู้สึกว่ามีบางจุดต่างออกไปทว่าหลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบสิ่งใดที่ต่า
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล