ฮูหยินรองตกตะลึงไปในทันที ก่อนจะก้าวเข้ามาบดบังสายตาฉินปี้เย่ว์โดยไม่รู้ตัว “ปี้เอ๋อร์ ปี้เอ๋อร์ของแม่ ทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด นี่เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น”“เด็กดี เจ้าหลับอีกครู่หนึ่งเถิด หลังจากตื่นขึ้นมานั้น เรื่องราวทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว”ฉินปี้เย่ว์ส่ายหัวไปมาด้วยท่าทีเหม่อลอย
“ปี้เอ๋อร์” ฮูหยินรองพลางร่ำไห้ออกมา “เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ นี่เป็นเพียงความฝันแค่ตื่นหนึ่งเท่านั้น หาใช่เรื่องจริงไม่”“นายท่าน” เมื่อฮูหยินรองเห็นฉินปี้เย่ว์มีท่าทีเช่นนั้น นางได้แต่กัดฟันกล่าวออกมาว่า “ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการบังคับให้ปี้เอ๋อร์ตายทั้งเป็น นางอยากให้หม่อมฉันตาย อยากให้ทุกคนในตระกูลฉิ
“นายท่าน ท่านอย่าได้ไปฟังคำให้ร้ายของเขา มิใช่หม่อมฉัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการใส่ร้าย” ฮูหยินรองกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หม่อมฉันหาได้รู้จักคนจำพวกนี้ไม่ เป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ติดสินบนพวกเขาให้มาใส่ร้ายหม่อมฉัน นายท่าน ท่านต้องสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดนะเจ้าคะ หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์”“เจ้า
หลังจากที่ฉินอี้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วนั้น ในที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงได้มีท่าทีและทัศนคติเช่นนี้หากว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นเป็นหมิ่นอวี้และปี้เย่ว์ที่ร่วมมือกันเพื่อพามาจัดการกับเหยี่ยนเย่ว์แล้ว หากว่าเหยี่ยนเย่ว์ประมาทไปเพียงเล็กน้อย เกรงว่าบุรุษขี้เมาผู้นั้นอาจจะทำแผ
นางรู้ดีว่าด้วยนิสัยโหดร้ายเช่นนั้นของตงฟางหลี จะต้องนึกถึงมาตรการตอบโต้เป็นชุดเพื่อลงโทษสองแม่ลูกหมิ่นอวี้และฉินปี้เย่ว์ตงฟางซั่วจะเข้ารับตำแหน่งผู้หัวหน้าศาลต้าหลี่ชั่วคราว และยังสอบสวนคดีของฉินปี้เย่ว์ด้วย ต้องสอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดอย่างแน่นอนครั้นเปรียบเทียบฉินปี้เย่ว์ที่เสียหน้าและสูญเสีย
“ไม่ ไม่ใช่ข้า” หมิ่นอวี้ถูกฉินอี้ถาม สีหน้าจึงดูตื่นตระหนก “นายท่าน ท่านต้องเชื่อข้านะ พี่เฟิ่งซีกับข้ารักกันเหมือนพี่น้อง พวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ๆ ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร? เป็นเหยี่ยนเย่ว์ฟั่นเฟือน พูดจาแต่เรื่องเหลวไหล”ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินหมิ่นอวี้พูดถึงชื่อแม่ของนาง นางจึงเดิ
ฉินอี้มองไปยังหมิ่นอวี้ที่ดูโหดร้าย ราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักนางเขากำหมัดแน่น ใบหน้าสีดำทะมึนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเสียใจ ความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งอดีต และความโกรธ...ทุกอารมณ์หลากหลายได้หลั่งไหลท่วมท้นจนกลายเป็นความโกรธในที่สุด“ครั้งแรกที่ข้าพบกับเฟิ่งซี ก็รู้ได้ทันทีว่าน
“นายท่าน ท่านต้องมองให้ชัดว่าพวกเขากำลังรวมหัวกันมาหลอกลวงพวกเรา” หมิ่นอวี้ยังคงใช้กลอุบายที่เก่งฉกาจที่สุดต่อไป “เมื่อพวกเราถูกพาตัวไปที่ศาลต้าหลี่ สกุลฉินก็จะจบสิ้นแล้ว…”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบสายตาลงนางให้โอกาสหมิ่นอวี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องการให้หมิ่นอวี้เป็นฝ่ายยอมรับความผิดเอง และพยายามจะรักษาส
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได