ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าสิ่งที่ตงฟางหลีหึงหวงนั้นน่าแปลกใจมากเห็นได้ชัดว่าจีอู๋เยียนใส่ใจเพียงอวี้เอ๋อร์เท่านั้น คนอื่น ๆ สำหรับเขาก็ไม่ต่างไปจากต้นหอมเลยนี่มันมีอะไรให้หึงหวงกันหรือ?“หยุดทำตัวน่าอึดอัดได้แล้วเพคะ” นางพยายามปลอบโยน “การมีเพื่อนมากกว่าหนึ่งคนย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งคนนะเพคะ”
“พระนาง บ่าวไม่เป็นไรเพคะ” หลังจากเฟ่ยชุ่ยพบนาง ในที่สุดก็ได้สติ “บ่าว บ่าวแค่อยากจะมาแจ้งท่าน ว่ามีคนกำลังก่อเรื่องวุ่นวายบนถนนเพคะ”“มีคนก่อเรื่องวุ่นวายบนถนน แล้วเกี่ยวอะไรกับเราหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ประคองนางขึ้นมา “รีบลุกขึ้นแล้วว่ามา”“เด็กตายคนหนึ่งเพคะ” ดวงตาของเฟ่ยชุ่ยเบิกกว้าง ใบหน้าของนาง
“ไป๋โค้ว ออกไป” ตงฟางหลีขัดจังหวะนางด้วยเสียงต่ำทุ้มไป๋โค้วรู้สึกถึงรังสีอันน่าสะพรึงกลัวที่กำจายออกมาจากร่างของตงฟางหลี นางย่นคอ และลากเฟ่ยชุ่ยวิ่งออกไป “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ยุ่งแล้วนะ ท่านอ๋องสงบอารมณ์ด้วย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกผิดเล็กน้อย “ตงฟางหลี ขอโทษนะเพคะ”“ทำไมถึงต้องขอโทษด้วย?” น้ำเสียงของ
ตงฟางหลีไม่มีคำใดจะเอ่ยเขาเดินไปที่หน้าต่าง เปิดม่านโปร่งสีเขียวอ่อน นิ้วเคาะกระดิ่งที่หน้าต่างพระชายาอ๋องเฉียนผู้เรียบร้อยมาโดยตลอดกลับลงมือกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ และพี่ใหญ่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ข่าวลือประเภทนี้เมื่อแพร่กระจายออกไป ก็เปรียบดั่งก้อนหิมะที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งกลืนกินผู้คนนางไม
“มิใช่บอกจะมอบเรื่องนี้ให้หม่อมฉันหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูดคิ้วของเขาที่ขมวดอยู่ให้เรียบ “ยังไม่ถึงเวลาเลยนะเพคะ”นางอวดฟันขาวเรียงตัวสวย “เตรียมทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ขาดสิ่งสำคัญสุดท้าย”“ทั้งหมดคืออะไร? สิ่งสำคัญคืออะไร?” ตงฟางหลีพูดขึ้น “หลังจบราชกิจเช้าวันนี้ เสด็จพ่อรั้งข้าถามไถ่สถานการณ์โดย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังฟังคำพูดทั้งหมดของพวกเขาไม่แปลกใจเลยที่ตงฟางหลีจะโกรธมากขนาดนี้ ข่าวลือเหล่านี้มันเกินไปจริง ๆจวนเหลยอันโหวไม่ได้เห็นจวนอ๋องเจ็ดอยู่ในสายตาเลย กลุ่มคนที่เชื่อข่าวลือเองก็กล้าการจัดการโดยพลการ การเก็บตัวเกินไปนั้นก็มิใช่เรื่องดีไป๋โค้วได้ยินแล้วโกรธมาก “พระชายา ไยถึงไม่ปฏิเสธกล
“ปีศาจขโมยเด็กไปแล้ว” มีคนในกลุ่มฝูงชนตะโกนขึ้น “พวกเราปล่อยให้นางทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”“ใช่แล้ว ใช่แล้ว อย่าให้นางพาคนไปอยู่ใต้จมูกของเราได้”“พี่ชายสองสามคนตรงนั้น มา บุกไปกับข้า”“ไป๋โค้ว ผู้ใดที่กล้าเข้ามาใกล้ ถอดแขนขาของผู้นั้นออก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่งอย่างเยียบเย็น “แล้วก็พาพวกเขาไปศาลาว่าการได้เล
หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองรับคดี ทุกคนก็แตกตื่นโกลาหลหลายร้อยคนต่างพากันมุงดู เจ้าพูดข้าคุย เสียงดังจนเหลือทน“เงียบ” ท่านเจ้าเมืองเคาะไม้ปลุกสติลงกับโต๊ะเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการกระแทกไม้โบยลงบนพื้น ก่อให้เกิดเสียงดังที่น่าตะลึงงันความศักดิ์สิทธิ์ของศาลาว่าการทำให้ผู้คนตกตะลึง และในที่สุดกลุ่มผู้คนก็เง