“นางอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยปากถามจีอู๋เยียนคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง “ประมาณแปดปี”“แปดปีรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อุทาน “จีอู๋เยียน เจ้าหาปัญหาใส่ตัวหรือไร?”ปลุกศพที่เก็บไว้นานแปดปีให้ตื่นขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้หรือ?แม้แต่เทพเซียนต้าหลัวก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!จีอู๋
“ข้าจึงเข้าหาไป๋หลินยวน ล่อถามวิธีกินยาลูกกลอน และเอายาลูกกลอนไป” จีอู๋เยียนกล่าว “หลังจากกินไปแล้ว ดูเหมือนนางจะหลับไปเลย”“ข้ารอด้วยความกลัวมาหนึ่งเดือน นางไม่ตาย รอสามเดือนนางยังคงไม่ตาย ครึ่งปี หนึ่งปีนางยังมีชีวิตอยู่”“ยังมีชีวิตอยู่ แนวคิดคืออันใดกัน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม“นางยังหายใจอยู่ เล็บ
“ช่างเป็นเรื่องราวที่เกร่อมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์บ่นในใจเงียบ ๆ ทว่าปากกลับไม่กล้าพูดออกมานางปรบมือ “เรื่องราวระหว่างพวกเจ้าสองคนช่างซาบซึ้งกินใจยิ่งนัก ใครได้ยินก็ต่างน้ำตาตก ความงามแสนสะท้าน”จีอู๋เยียนเหลือบมองนาง “จอมปลอม”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกจับไต๋ได้ ก่อนจะหัวเราะแห้งสองเสียงหลังจากที่จีอู๋เยียนใ
จีอู๋เยียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรอุณหภูมิของน้ำพุร้อนค่อนข้างสูง หลังจากที่อุณหภูมิของเด็กหญิงตัวน้อยเพิ่มสูงขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทว่า ยังคงอยู่ในสภาวะหลับลึก“สิ่งที่เจ้าชิงมาจากไป๋หลินยวนน่าจะเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นสำหรับคนทั่วไปมันเป็นยาพิษ แต่สำหรับแ
“ข้าคาดเดาไว้มิผิด เลือดดำนี้เป็นฤทธิ์ร้อน เมื่อวานยามที่พวกเราล้อมรอบกองไฟด้วยกัน เนื่องจากอุณหภูมิสูง ดังนั้นเลือดดำจึงแข็งตัวได้อย่างรวเร็ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจ “ร่างกายของแม่นางอวี้เอ๋อร์เย็นเฉียบ เลือดดำจึงมิได้แข็งตัวตามไปด้วย”ยาพิษก็คือยาถอนพิษ นี่จึงจะสอดคล้องกับอุปนิสัยของไป๋หลินยวนนา
“เจ้าชอบนางงั้นหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กระพริบตาจีอู๋เหยียนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างที่ยากจะได้พบเห็น “จะเป็นไปได้อย่างไร...”“มิต้องแก้ตัว ข้าเข้าใจได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยมีเพียงคนที่ลุ่มหลงในความรักเท่านั้น ถึงจะมีแววตาอ่อนโยนและลึกซึ้งถึงเพียงนี้ได้สายตาโกหกกันมิได้“เป็นตายขออยู่เคียงข้างกัน มิแ
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?” ท้ายที่สุดอวี้เอ๋อร์ก็ยังไม่สามารถตื่นขึ้นมา จีอู๋เยียนจึงร้อนใจอยู่บ้าง “มิใช่ว่าร่างกายของนางมิเป็นอันใดร้ายแรงแล้วหรือ?”“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิ้วขมวดเป็นปมตามหลักที่กล่าวเอาไว้ว่าแม่นางผู้นี้มีชีพจรเต้นแรง มีการตอบสนองต่อเสียงและแสง สามารถตื่นขึ้นม
“เจ้ายังจำเขาได้หรือไม่?”อวี้เอ๋อร์พยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ “เสี่ยว...เยียน”นางกล่าวจบ ก็ส่ายหน้า “ต้า เยียน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมานามนี้มีความสง่างาม เหมาะสมกับบุคลิกของจีอู๋เยียน“ดี ฟังที่ข้าพูด” นางพูดจาอย่างนุ่มนวล “เจ้าเพิ่งจะตื่น อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ ไม่ต้อ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได