ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะดุ้งตกใจ จากนั้นก็รีบเข้าไปตรวจสอบลมหายใจของเขาทันทีลมหายใจปกติ เพียงแค่หมดสติไปตามร่างกายของเขาไม่มีรอยเลือด หากแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นบนใบหน้าหล่อเหลามีรอยแผลเป็นจากการถูกขีดข่วนเล็กน้อย“จีอู๋เยียน เจ้าทำเกินไปแล้ว เจ้าจะอ่อนโยนบ้างเลยมิได้หรือ?” นางเอ่ยเสียงดุ “หากเขาเป็นอัน
จากนั้นตัวคนก็ทาบทับลงมา จุมพิตลงไปอย่างลึกซึ้งจูบนี้ ร้อนแรง และบ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนเนิ่นนานผ่านไป เขาได้ฝังศีรษะลงในแอ่งไหปลาร้าของนาง “เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่”หลังจากที่เขารู้ว่านางถูกจีอู๋เยียนพาตัวไป หัวใจพลันเย็นเยียบลง“ข้าขอโทษด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โอบกอดเขา “ตงฟางหลี ทำให้ท่านต้อก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขาเบา ๆ “อย่าได้กังวลไป หม่อมฉันมิได้ลำบากจนเกินไป จีอู๋เยียนมีเรื่องจักขอร้องหม่อมฉัน จึงมิได้สังหารหม่อมฉันเพคะ”“ท่านเล่า ตงฟางหลี ท่านโง่หรือ? วันนั้นหม่อมฉันคิดว่าท่านหาหม่อมฉันไม่เจอก็จะกลับไปแล้ว คนโง่งมเช่นท่าน เหตุใดต้องมาอยู่ในพื้นหิมะท่ามกลางอาก
“ไม่ได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น “แปลกเกินไป เหตุใดถึงมีไข้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเล่า?”“จีอู๋เยียน อุณหภูมิของนางเพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไป จะช้าเร็วอย่างไรก็ต้องถูกเผาจนตาย พานางไปวางที่เตียงหยกเย็นเพื่อลดอุณหภูมิเถิด”สีหน้าจีอู๋เยียนแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองอย่างยิ่ง “วางบนเตียงหยกเย็นแล้ว นางจะหลับลึก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งไปนางไม่เคยพบเจอกับกุยโหย่วเจียง ความรู้สึกจึงราบเรียบนัก และมิได้รู้สึกมากนักได้ยินวาจาของตงฟางหลี ถึงได้เข้าใจว่าเรื่องการพาตัวจีอู๋เยียนกลับไปเท่ากับตบหน้าตู้จ้งและตู้เหิง อาจทำให้พวกเขาผิดหวัง“ขอโทษ” นางกล่าว “เป็นหม่อมฉันที่คิดไม่รอบคอบ”“ในเมื่อมิอาจไปจวนอ๋องเจ็ด” ฉินเหยี
ทุกคำพูดของตงฟางหลีล้วนถูกขวางกลับมา “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ในระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้น กุยโหย่วเจียงตระหนักได้ว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะข้า ดังนั้น จึงคิดจะตายด้วยน้ำมือของข้า ทว่า ในระหว่างที่ต่อสู้ ข้าพบถึงจุดที่ผิดปรกติของเขา จึงไม่ได้ลงมือ ต่อมา เขาก็ยังคงได้ตายไปแล้ว” จีอู๋เยียนกล่าว
ตู้เหิงพลันรู้สึกขนหัวลุกออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะที่ตู้หัวโน้มตัวลงมานั้น เขาสัมผัสได้เป็นอย่างดี ว่ามีไอสังหารฆ่าฟันล้อมรอบตัวเขาอยู่หากมิใช่พระชายาลากให้เขากลับมาละก็ เกรงว่าในยามนี้หัวของเขาคงจะหลุดออกจากบ่าแล้วกระมัง“เจ้าหญิงนิทราช่างน่ากลัวยิ่งนัก” ตู้เหิงมิกล้านิ่งเฉยอีกต่อไป เขารีบสั่งให้คนขนเ
หมอหลวงหลินเคาะประตูเบา ๆพลันมีเด็กอายุประมาณเจ็ดแปดขวบมาเปิดประตูให้ “นายท่านหลินมาเหรอ”“นายท่านของเจ้าอยู่หรือไม่” หมอหลินพลางยื่นติ๋มซำให้กับเขา “ไปบอกเขาเสีย มีแขกมาเยี่ยม”เมื่อเด็กน้อยเห็นติ๋มซำนั้น พลันเบิกตาโพลงขึ้นมาในทันที ก่อนจะพยักหน้าลงเล็กน้อย “นายท่านกำลังตกปลาอยู่ ทว่า นายท่านสั่งเ