“เจ้ายังจำเขาได้หรือไม่?”อวี้เอ๋อร์พยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ “เสี่ยว...เยียน”นางกล่าวจบ ก็ส่ายหน้า “ต้า เยียน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมานามนี้มีความสง่างาม เหมาะสมกับบุคลิกของจีอู๋เยียน“ดี ฟังที่ข้าพูด” นางพูดจาอย่างนุ่มนวล “เจ้าเพิ่งจะตื่น อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ ไม่ต้อ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะดุ้งตกใจ จากนั้นก็รีบเข้าไปตรวจสอบลมหายใจของเขาทันทีลมหายใจปกติ เพียงแค่หมดสติไปตามร่างกายของเขาไม่มีรอยเลือด หากแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นบนใบหน้าหล่อเหลามีรอยแผลเป็นจากการถูกขีดข่วนเล็กน้อย“จีอู๋เยียน เจ้าทำเกินไปแล้ว เจ้าจะอ่อนโยนบ้างเลยมิได้หรือ?” นางเอ่ยเสียงดุ “หากเขาเป็นอัน
จากนั้นตัวคนก็ทาบทับลงมา จุมพิตลงไปอย่างลึกซึ้งจูบนี้ ร้อนแรง และบ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนเนิ่นนานผ่านไป เขาได้ฝังศีรษะลงในแอ่งไหปลาร้าของนาง “เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่”หลังจากที่เขารู้ว่านางถูกจีอู๋เยียนพาตัวไป หัวใจพลันเย็นเยียบลง“ข้าขอโทษด้วย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์โอบกอดเขา “ตงฟางหลี ทำให้ท่านต้อก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขาเบา ๆ “อย่าได้กังวลไป หม่อมฉันมิได้ลำบากจนเกินไป จีอู๋เยียนมีเรื่องจักขอร้องหม่อมฉัน จึงมิได้สังหารหม่อมฉันเพคะ”“ท่านเล่า ตงฟางหลี ท่านโง่หรือ? วันนั้นหม่อมฉันคิดว่าท่านหาหม่อมฉันไม่เจอก็จะกลับไปแล้ว คนโง่งมเช่นท่าน เหตุใดต้องมาอยู่ในพื้นหิมะท่ามกลางอาก
“ไม่ได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น “แปลกเกินไป เหตุใดถึงมีไข้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเล่า?”“จีอู๋เยียน อุณหภูมิของนางเพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไป จะช้าเร็วอย่างไรก็ต้องถูกเผาจนตาย พานางไปวางที่เตียงหยกเย็นเพื่อลดอุณหภูมิเถิด”สีหน้าจีอู๋เยียนแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองอย่างยิ่ง “วางบนเตียงหยกเย็นแล้ว นางจะหลับลึก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นิ่งไปนางไม่เคยพบเจอกับกุยโหย่วเจียง ความรู้สึกจึงราบเรียบนัก และมิได้รู้สึกมากนักได้ยินวาจาของตงฟางหลี ถึงได้เข้าใจว่าเรื่องการพาตัวจีอู๋เยียนกลับไปเท่ากับตบหน้าตู้จ้งและตู้เหิง อาจทำให้พวกเขาผิดหวัง“ขอโทษ” นางกล่าว “เป็นหม่อมฉันที่คิดไม่รอบคอบ”“ในเมื่อมิอาจไปจวนอ๋องเจ็ด” ฉินเหยี
ทุกคำพูดของตงฟางหลีล้วนถูกขวางกลับมา “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ในระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้น กุยโหย่วเจียงตระหนักได้ว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะข้า ดังนั้น จึงคิดจะตายด้วยน้ำมือของข้า ทว่า ในระหว่างที่ต่อสู้ ข้าพบถึงจุดที่ผิดปรกติของเขา จึงไม่ได้ลงมือ ต่อมา เขาก็ยังคงได้ตายไปแล้ว” จีอู๋เยียนกล่าว
ตู้เหิงพลันรู้สึกขนหัวลุกออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะที่ตู้หัวโน้มตัวลงมานั้น เขาสัมผัสได้เป็นอย่างดี ว่ามีไอสังหารฆ่าฟันล้อมรอบตัวเขาอยู่หากมิใช่พระชายาลากให้เขากลับมาละก็ เกรงว่าในยามนี้หัวของเขาคงจะหลุดออกจากบ่าแล้วกระมัง“เจ้าหญิงนิทราช่างน่ากลัวยิ่งนัก” ตู้เหิงมิกล้านิ่งเฉยอีกต่อไป เขารีบสั่งให้คนขนเ
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ