“วิธีนี้เหมาะกับพวกเจ้าที่เพิ่งจะเรียนอักษรมากที่สุด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดีดนิ้วใส่เขาหนึ่งครั้ง “เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้เจ็ด ไม่อนุญาตให้พูดเหลวไหล ระวังจะถูกพี่เจ็ดของเจ้าได้ยินเข้า”ตงฟางหลีมิอยู่ เจ้าสิบก็คือผู้มีอำนาจ“ไม่ พวกเราเคยจูบกันแล้ว” ตงฟางอิงหัวเราะฮี่ฮี่พร้อมทั้งพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะว
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอยู่กินมื้อเที่ยงที่นี่ไม่ได้หรือ? ข้าจะให้คนไปเตรียมเนื้อวัวชั้นดีมา ลงจุ่มในน้ำเดือดสักหน่อย รสชาติดียิ่งนัก ข้าคิดว่าเจ้าคงจะต้องชอบแน่นอน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันหยุดฝีเท้า “ท่านชวนข้ากินหม้อไฟเนื้อวัวอยู่หรือ?”ลู่จิ้นเห็นว่านางสนใจ ก็ปรบมือด้วยความดีอกดีใจ “ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ต่อ
ลู่จิ้นไม่พอใจยิ่งนัก “คำสั่งของศิษย์น้องหญิง แม้ข้าร่างกายจะแหลกลาญ ก็จักต้องทำให้สำเร็จ”“ศิษย์น้องหญิงของท่านเมามายจนหมดสติไปแล้วขอรับ” ตู้เหิงแย่งไหสุรากลับคืนมา“ตู้เหิง เจ้าอย่าดูถูกข้า ข้ายังดื่มได้อีกหลายจอก” ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดจะคว้าไหสุรานั้น พลันเดินโซเซไปมา แล้วตัวคนก็อ่อนยวบลงไป ก่
คนที่อุ้มนางกลับมาเป็นตงฟางหลีก็มิเป็นอะไรแล้ว“แล้วเขาเล่า?”“เข้าวังไปแล้วเพคะ” เฝ่ยชุ่ยพูดอย่างกังวล “บ่าวได้ยินไป๋โค้วพูดว่า พายุหิมะที่เมืองอวิ่นนั้นรุนแรงมาก ฝ่าบาทจึงทรงมอบหมายเรื่องนี้ให้กับท่านอ๋อง หากจัดการได้ไม่ดี ท่านอ๋องก็จะถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยเพคะ”ฤทธิ์สุราที่หลงเหลืออยู่ในฉินเหยี่ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปนางเพียงแค่ดื่มสุราที่จวนของลู่จิ้นไปสองสามแก้วจนเมามายล้มพับไปเท่านั้น จะไปหลับอยู่ที่นั่นของเขาเสียที่ไหน!“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” นางพูด “หม่อมฉันดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว แต่ว่า หม่อมฉันนอนที่ห้องของน้องเก้า คำพูดที่ท่านพูดออกมาเหตุใดถึงได้สกปรกถึงเพียงนี้เล่า?”“ถึงจะเป็นเช
เขาจรดหน้าผากลงบนหน้าผากของนางฉินเหยี่ยนเย่ว์หลับตาลง กลิ่นหอมหวลอันคุ้นเคยลอยอบอวลอยู่ในจมูกตงฟางหลีเห็นว่านางมิได้ต่อต้าน การกระทำก็อาจหาญขึ้นมาท่ามกลางหมอกตะวันขาวที่ลอยละล่อง ผ้าห่มสีแดงถูกพลิกไปมาคล้ายดั่งคลื่นสีแดงเนิ่นนานผ่านไปฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักตงฟางหลีที่ตะกละตะกรามไม่รู้จักพอออกไปด้วย
“เลิกคิดได้แล้ว” ตงฟางหลีขยับกายเข้ามา “ค่อยเดินไปพร้อมกับไตร่ตรองไปด้วย ราตรีในยามวสันฤดูช่างสั้นนัก พวกเราอย่ามัวเสียเวลาอยู่อีกเลย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะผลักเขาออกไป “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ พรุ่งนี้ยังต้องไปบรรเทาภัยพิบัติที่เมืองอวิ่นอยู่หรือไม่?”“ไป” ตงฟางหลีนึกถึงเรื่อง
“นางไปที่ใดหรือ?”“บ่าวได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบบางเรื่องเพคะ” ขณะที่กำลังพูด เสียงของชื่อเจี้ยนพลันดังขึ้นมาไม่รู้ว่านางเข้ามาจากที่ใด จู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าทุกคนอย่างกะทันหัน ก่อนจะทำความเคารพ “ชื่อเจี้ยนคารวะพระชายาเพคะ”“ที่นี่มีเพียงพวกเราไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งล