คนที่อุ้มนางกลับมาเป็นตงฟางหลีก็มิเป็นอะไรแล้ว“แล้วเขาเล่า?”“เข้าวังไปแล้วเพคะ” เฝ่ยชุ่ยพูดอย่างกังวล “บ่าวได้ยินไป๋โค้วพูดว่า พายุหิมะที่เมืองอวิ่นนั้นรุนแรงมาก ฝ่าบาทจึงทรงมอบหมายเรื่องนี้ให้กับท่านอ๋อง หากจัดการได้ไม่ดี ท่านอ๋องก็จะถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยเพคะ”ฤทธิ์สุราที่หลงเหลืออยู่ในฉินเหยี่ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปนางเพียงแค่ดื่มสุราที่จวนของลู่จิ้นไปสองสามแก้วจนเมามายล้มพับไปเท่านั้น จะไปหลับอยู่ที่นั่นของเขาเสียที่ไหน!“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” นางพูด “หม่อมฉันดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว แต่ว่า หม่อมฉันนอนที่ห้องของน้องเก้า คำพูดที่ท่านพูดออกมาเหตุใดถึงได้สกปรกถึงเพียงนี้เล่า?”“ถึงจะเป็นเช
เขาจรดหน้าผากลงบนหน้าผากของนางฉินเหยี่ยนเย่ว์หลับตาลง กลิ่นหอมหวลอันคุ้นเคยลอยอบอวลอยู่ในจมูกตงฟางหลีเห็นว่านางมิได้ต่อต้าน การกระทำก็อาจหาญขึ้นมาท่ามกลางหมอกตะวันขาวที่ลอยละล่อง ผ้าห่มสีแดงถูกพลิกไปมาคล้ายดั่งคลื่นสีแดงเนิ่นนานผ่านไปฉินเหยี่ยนเย่ว์ผลักตงฟางหลีที่ตะกละตะกรามไม่รู้จักพอออกไปด้วย
“เลิกคิดได้แล้ว” ตงฟางหลีขยับกายเข้ามา “ค่อยเดินไปพร้อมกับไตร่ตรองไปด้วย ราตรีในยามวสันฤดูช่างสั้นนัก พวกเราอย่ามัวเสียเวลาอยู่อีกเลย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินแล้วใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะผลักเขาออกไป “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ พรุ่งนี้ยังต้องไปบรรเทาภัยพิบัติที่เมืองอวิ่นอยู่หรือไม่?”“ไป” ตงฟางหลีนึกถึงเรื่อง
“นางไปที่ใดหรือ?”“บ่าวได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบบางเรื่องเพคะ” ขณะที่กำลังพูด เสียงของชื่อเจี้ยนพลันดังขึ้นมาไม่รู้ว่านางเข้ามาจากที่ใด จู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าทุกคนอย่างกะทันหัน ก่อนจะทำความเคารพ “ชื่อเจี้ยนคารวะพระชายาเพคะ”“ที่นี่มีเพียงพวกเราไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งล
“พระชายาอย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปนะเพคะ เป็นตู้เหิงที่สั่งให้หม่อมฉันไปเพคะ” ชื่อเจี้ยนรีบร้อนอธิบายออกมา “หาใช่ท่านอ๋องไม่ ท่านอ๋องมิได้รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย”“ดูท่าทีตกอกตกใจของเจ้าสิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย “ข้าหาได้สนใจไม่ มิต้องกลัว”ชื่อเจี้ยนที่เห็นสีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหาส่วนผสมของตัวยามาสองสามอย่าง ก่อนจะโยนมันลงบนโต๊ะอย่างแรงหากตงฟางหลีเลือกที่จะกลับไปอยู่ข้างกายของซูเตี่ยนฉิงละก็ เช่นนั้นนางก็จะปล่อยให้พวกเขาเป็นคู่รักกิ่งทองใบหยกที่รันทดต่อไปในขณะเดียวกันเมืองอวิ่นเฉิงที่ห่างไกลนั้น จู่ ๆ ตงฟางหลีพลันรู้สึกขนลุกขึ้นมาความรู้สึกหนาวเย็นยะเ
เมื่อตงฟางหลีเห็นเช่นนี้ นัยน์ตาพลันทอประกายวาววับขึ้นมาในทันทีเขายังพอจะจำได้ว่า ทางทิศเหนือสุดของแคว้นเป่ยลู่นั้นมีอากาศหนาวเย็น ทั้งยังมีหิมะตกตลอดทั้งปี เหล่าผู้คนที่นั่นก็อาศัยอยู่ในห้องน้ำแข็งเช่นกันเกรงว่าห้องน้ำแข็งกับถ้ำหิมะคงจะมิต่างกันมากระมัง“ลู่ซิว ให้ผู้ที่พอจะเคลื่อนไหวตัวได้ออกกำล
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได