ท่านปู่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้น นางจะต้องมีชีวิตที่มีความสุขแน่นอนผู้ใดที่กล้ารังแกนาง นางก็จะขอมอบคืนเพิ่มอีกเท่าหนึ่งหลังจากละครตลกนี้ผ่านไป ในห้องโถงใหญ่ของตำหนักเฟิ่งอวี้ก็เหลือเพียงฉินเหยี่ยนเย่ว์และพระพันปีเท่านั้นแม้ว่าพระพันปีจะฟื้นคืนความชัดเจนแล้ว แต่สีพระพักตร์ยังค
“ท่านไม่มีความคิดเห็นบ้างหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไป๋หลินยวนด้วยความสงสัย“ข้าเป็นหมอหลวง มิใช่หมอดูแต่อย่างใด” ไป๋หลินยวนตอบ “หรือบางที เป็นท่านผู้เฒ่าที่ทำเรื่องละอายใจลงไปมาก”“รีบหุบปากเสียเถอะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปรอบ ๆ มีขันทีและนางกำนัลเดินผ่านเป็นครั้งคราว จึงไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไป “ท่า
“ดังนั้น เจ้าก็เลยแอบออกมางั้นรึ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้จมูกของเขาตงฟางอิงแลบลิ้น “ข้าออกมาอย่างสง่าผ่าเผยต่างหาก หาได้แอบออกมาไม่”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังภายในห้องที่ประตูมีเด็กน้อยรูปร่างซูบผอมคนหนึ่งกำลังมองมาทางนี้ด้วยท่าทีเขินอาย ครั้นสบสายตากับฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้ว ก็รีบหลบเข้าไปด้านใน“เสี่ยวจิ่
“วิธีนี้เหมาะกับพวกเจ้าที่เพิ่งจะเรียนอักษรมากที่สุด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดีดนิ้วใส่เขาหนึ่งครั้ง “เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้เจ็ด ไม่อนุญาตให้พูดเหลวไหล ระวังจะถูกพี่เจ็ดของเจ้าได้ยินเข้า”ตงฟางหลีมิอยู่ เจ้าสิบก็คือผู้มีอำนาจ“ไม่ พวกเราเคยจูบกันแล้ว” ตงฟางอิงหัวเราะฮี่ฮี่พร้อมทั้งพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะว
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอยู่กินมื้อเที่ยงที่นี่ไม่ได้หรือ? ข้าจะให้คนไปเตรียมเนื้อวัวชั้นดีมา ลงจุ่มในน้ำเดือดสักหน่อย รสชาติดียิ่งนัก ข้าคิดว่าเจ้าคงจะต้องชอบแน่นอน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันหยุดฝีเท้า “ท่านชวนข้ากินหม้อไฟเนื้อวัวอยู่หรือ?”ลู่จิ้นเห็นว่านางสนใจ ก็ปรบมือด้วยความดีอกดีใจ “ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ต่อ
ลู่จิ้นไม่พอใจยิ่งนัก “คำสั่งของศิษย์น้องหญิง แม้ข้าร่างกายจะแหลกลาญ ก็จักต้องทำให้สำเร็จ”“ศิษย์น้องหญิงของท่านเมามายจนหมดสติไปแล้วขอรับ” ตู้เหิงแย่งไหสุรากลับคืนมา“ตู้เหิง เจ้าอย่าดูถูกข้า ข้ายังดื่มได้อีกหลายจอก” ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดจะคว้าไหสุรานั้น พลันเดินโซเซไปมา แล้วตัวคนก็อ่อนยวบลงไป ก่
คนที่อุ้มนางกลับมาเป็นตงฟางหลีก็มิเป็นอะไรแล้ว“แล้วเขาเล่า?”“เข้าวังไปแล้วเพคะ” เฝ่ยชุ่ยพูดอย่างกังวล “บ่าวได้ยินไป๋โค้วพูดว่า พายุหิมะที่เมืองอวิ่นนั้นรุนแรงมาก ฝ่าบาทจึงทรงมอบหมายเรื่องนี้ให้กับท่านอ๋อง หากจัดการได้ไม่ดี ท่านอ๋องก็จะถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยเพคะ”ฤทธิ์สุราที่หลงเหลืออยู่ในฉินเหยี่ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปนางเพียงแค่ดื่มสุราที่จวนของลู่จิ้นไปสองสามแก้วจนเมามายล้มพับไปเท่านั้น จะไปหลับอยู่ที่นั่นของเขาเสียที่ไหน!“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” นางพูด “หม่อมฉันดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว แต่ว่า หม่อมฉันนอนที่ห้องของน้องเก้า คำพูดที่ท่านพูดออกมาเหตุใดถึงได้สกปรกถึงเพียงนี้เล่า?”“ถึงจะเป็นเช
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได