“เจ้าเบื่อชีวิตแล้วใช่หรือไม่?” ตงฟางหลียิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งดำทะมึน“ก่อนหน้านี้บอกว่าข้าเป็นคนเลวที่ไม่รู้จักคิด ทั้งยังบอกอีกว่าข้ามากตัณหา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนเช่นไรกันแน่?”“ละทิ้งโลกไว้เบื้องหลังโบยบินไปอย่างเดียวดาย เหินหาวเป็นเทพเซียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แบมือ “พอใจหรือยัง?”“ห
“ผู้ใจบุญที่รับเลี้ยงบอกกับบ่าวว่า บ่าวเกือบจะตายแล้วเพคะ แต่โชคดีถึงมีชีวิตรอดมาได้ พระชายาอ๋องสาม บ่าวหมดหนทางไปแล้ว เห็นแก่ความสัมพันธ์นายบ่าวของพวกเรา รับบ่าวไว้ด้วยเถอะเพคะ”หู่พั่วโขกศีรษะกับพื้นอย่างแรงฉินเสวี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วแน่นเป็นเพราะบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้สูญเสียความจำไป นี่ก็อาจเป็นไปได้
ขณะเดียวกันบนชั้นบนสุดของหอเฉินเซียง ฉินเยี่ยนเย่ว์เห็นกระบวนการทั้งหมดด้วยตาตนเอง“ท่านช่างร้ายกาจเสียจริง” นางอดอุทานออกมาไม่ได้ “ทั้งหมดล้วนอยู่ในการคำนวณของท่าน ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงทำได้แค่ถูกท่านจูงจมูกเดินเท่านั้น”“โชคดีที่หม่อมฉันมิได้เป็นศัตรูกับท่าน”ไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้สุนัขจิ
“เจ้าสั่งทำสิ่งใดให้ข้า?”“ความลับ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ไปร้านเครื่องประดับที่อยู่ไม่ไกล “ทำจากร้านนั้นเองเพคะ”“โอ้?”“น่าจะทำเสร็จแล้วนะเพคะ” นางหาอักษรแกะสลักออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็เดินเข้าไปยังด้านในร้านเครื่องประดับร้านเทียบอักษรแกะสลักแล้ว เมื่อนำกล่องมาส่งให้กับนาง พลันถูกตงฟางหลีแย่งไปในกล่
วันแต่งงานของเย่ว์ลู่ยังไม่ถึงยามเฉิน ตงฟางหลีก็พานางมาถึงจวนอ๋องสาม นั่งในตำแหน่งที่ได้ระบุเอาไว้แล้วเหล่าผู้มีอำนาจและผู้สูงศักดิ์ในเมืองเหวินจิงต่างรู้สึกประหลาดใจกับงานแต่งอย่างกะทันหันนี้ยิ่งนักทว่า งานแต่งระหว่างท่านหญิงจากจวนหลูหยางอ๋องและจวนอ๋องสาม ทั้งยังเป็นงานแต่งที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทาน
หวนนึกขึ้นได้ว่าบิดามารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เย่ว์ลู่ยังเด็ก นี่เป็นการคำนับให้แก่บิดามารดา ก็ต่างพากันถอนหายใจว่าเด็กคนนี้ช่างกตัญญูรู้ความอย่างไรก็ตามเมื่อถึงการคำนับครั้งสุดท้าย ยามที่สามีภรรยาคำนับกันและกัน เย่ว์ลู่กลับไม่คุกเข่าลงขุนนางพิธีการเอ่ยเตือนนางอยู่หลายครั้ง นางก็ยังนิ่งไม่ไหวติงเช่น
ท่านอ๋องสามก็มิคิดว่าเรื่องราวจะแปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้เขารู้ดีว่าเย่ว์ลู่จะทำอะไรลงไปโดยไม่เห็นแก่หน้าของเขา ทว่า เขามิคิดเลยว่าสตรีนางนี้จักกล้าก่อเรื่องต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ได้เรื่องอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ อีกไม่นานคงได้กระจายไปทั่วเมืองเหวินจิงเป็นแน่“เย่ว์ลู่ ข้ารู้ดีว่าเจ้ารู้สึกเสียใจม
“พอแล้ว” ท่านอ๋องสามยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกนางด้วยใบหน้ามืดหม่นนั้น “เสด็จแม่ สมองของเย่ว์ลู่ได้รับการกระทบกระเทือน ท่านที่เป็นผู้ใหญ่อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยอันใดกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ”“เย่ว์ลู่ เด็กดี เจ้าเห็นแก่หน้าข้าเสีย อย่าได้คิดก่อเรื่องก่อราวอีกเลย หากถึงเรือนหอเมื่อใดแล้ว เจ้าอยากจะด่าข้าตีข้า ก