ขณะเดียวกันบนชั้นบนสุดของหอเฉินเซียง ฉินเยี่ยนเย่ว์เห็นกระบวนการทั้งหมดด้วยตาตนเอง“ท่านช่างร้ายกาจเสียจริง” นางอดอุทานออกมาไม่ได้ “ทั้งหมดล้วนอยู่ในการคำนวณของท่าน ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงทำได้แค่ถูกท่านจูงจมูกเดินเท่านั้น”“โชคดีที่หม่อมฉันมิได้เป็นศัตรูกับท่าน”ไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้สุนัขจิ
“เจ้าสั่งทำสิ่งใดให้ข้า?”“ความลับ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ไปร้านเครื่องประดับที่อยู่ไม่ไกล “ทำจากร้านนั้นเองเพคะ”“โอ้?”“น่าจะทำเสร็จแล้วนะเพคะ” นางหาอักษรแกะสลักออกมาหนึ่งแผ่น จากนั้นก็เดินเข้าไปยังด้านในร้านเครื่องประดับร้านเทียบอักษรแกะสลักแล้ว เมื่อนำกล่องมาส่งให้กับนาง พลันถูกตงฟางหลีแย่งไปในกล่
วันแต่งงานของเย่ว์ลู่ยังไม่ถึงยามเฉิน ตงฟางหลีก็พานางมาถึงจวนอ๋องสาม นั่งในตำแหน่งที่ได้ระบุเอาไว้แล้วเหล่าผู้มีอำนาจและผู้สูงศักดิ์ในเมืองเหวินจิงต่างรู้สึกประหลาดใจกับงานแต่งอย่างกะทันหันนี้ยิ่งนักทว่า งานแต่งระหว่างท่านหญิงจากจวนหลูหยางอ๋องและจวนอ๋องสาม ทั้งยังเป็นงานแต่งที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทาน
หวนนึกขึ้นได้ว่าบิดามารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เย่ว์ลู่ยังเด็ก นี่เป็นการคำนับให้แก่บิดามารดา ก็ต่างพากันถอนหายใจว่าเด็กคนนี้ช่างกตัญญูรู้ความอย่างไรก็ตามเมื่อถึงการคำนับครั้งสุดท้าย ยามที่สามีภรรยาคำนับกันและกัน เย่ว์ลู่กลับไม่คุกเข่าลงขุนนางพิธีการเอ่ยเตือนนางอยู่หลายครั้ง นางก็ยังนิ่งไม่ไหวติงเช่น
ท่านอ๋องสามก็มิคิดว่าเรื่องราวจะแปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้เขารู้ดีว่าเย่ว์ลู่จะทำอะไรลงไปโดยไม่เห็นแก่หน้าของเขา ทว่า เขามิคิดเลยว่าสตรีนางนี้จักกล้าก่อเรื่องต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ได้เรื่องอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ อีกไม่นานคงได้กระจายไปทั่วเมืองเหวินจิงเป็นแน่“เย่ว์ลู่ ข้ารู้ดีว่าเจ้ารู้สึกเสียใจม
“พอแล้ว” ท่านอ๋องสามยืนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกนางด้วยใบหน้ามืดหม่นนั้น “เสด็จแม่ สมองของเย่ว์ลู่ได้รับการกระทบกระเทือน ท่านที่เป็นผู้ใหญ่อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยอันใดกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ”“เย่ว์ลู่ เด็กดี เจ้าเห็นแก่หน้าข้าเสีย อย่าได้คิดก่อเรื่องก่อราวอีกเลย หากถึงเรือนหอเมื่อใดแล้ว เจ้าอยากจะด่าข้าตีข้า ก
ราชองครักษ์ภายในจวนอ๋องที่ถูกล่อลวงออกไปนั้น หลังจากที่รู้ว่าตนเองถูกหลอกจึงรีบร้อนกลับมาที่จวนอ๋องสามในทันทีพวกเขามิคิดเลยว่าภายในจวนจักมีขอทานมากมายเข้ามาเช่นนี้ พร้อมทั้งรีบร้อนไล่เหล่าขอทานออกไปในทันที ในยามนี้ ภายในห้องจัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย พร้อมทั้งกลิ่นเหม็นหึ่งที่ลอยไปทั่
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ว่าจักทำอาชีพใด มีลักษณะนิสัยเช่นไร ล้วนแต่มีกลุ่มมีก้อนเป็นของตนเองทั้งนั้น ข้าคิดว่าขอทานเหล่านี้ก็จักต้องมีกล่อมของตนเองเช่นกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันถอนหายใจออกมา หากแต่พรรคยาจกนั้น มีอยู่ในเพียงนิยายกำลังภายในเท่านั้น นางเพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้เท่านั้นเองตงฟางหลีที่ตกอยู
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได