ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองตงฟางหลีที่ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ ราวกับมีบางอย่างกำลังจะหลุดลอยไปจากใจของนางนางมีความรู้สึกว่าถ้าปล่อยเขาไป ทุกอย่างระหว่างพวกเขาต่างจะยิ่งไกลออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆเมื่ออารมณ์นี้ผุดขึ้น จริง ๆ แล้วมันกลับเจ็บปวดมากกว่าการพัวพันกันอุตลุดเมื่อครู่เป็นร้อยเท่าทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้น วิ
“ท่านชอบนางไหม?” เมื่อนางถามคำถามนี้ หัวใจของนางก็บีบรัดแน่นรู้แล้วยังแกล้งถาม ผลที่ตามมาอาจเป็นความขมขื่นและทำให้ตัวเองอับอายขายหน้า“ครั้งหนึ่งข้าเคยชอบนาง” ตงฟางหลีกล่าว “ก่อนที่ข้าจะอายุสิบห้า ข้าหวังว่าจะฝากชีวิตไว้กับนาง”“ครั้งหนึ่ง?”“อืม ครั้งหนึ่ง” ตงฟางหลีใช้นิ้วปัดปอยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หันหน้าไปสบตากับเขาดวงตาของตงฟางหลีชัดเจนและจริงใจเป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเสียงหัวใจของเขา เสียงในใจบอกนางว่าทุกคำพูดของเขานั้นล้วนจริงใจ“คำถามสุดท้าย ท่านชอบหม่อมฉันไหม?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอาหน้าผากไปแตะกับหน้าผากของเขา ปลายจมูกแตะปลายจมูก ในน้ำเสียงมีเสียงขึ้นจมูกเล็ก ๆ อยู่ “ท่านต
ดวงตาของเขาตกไปที่หลังม่านของเตียง คำพูดของเขาติดอยู่ในลำคอ“พวก…พวกท่าน”เขาตกใจมากจนสมองขาวโพลนท่านอ๋องผู้เย็นชามาโดยตลอดกำลังโอบล้อมพระชายาด้วยท่าทางพิลึกพิลั่นพระชายาหน้าแดงก่ำ เสื้อผ้าของนางก็ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเขาไม่มีทางมองผิดพลาดแน่นอน สองคนนี้กำลังให้กำเนิดผู้สืบทอดน้อย!“จู่ ๆ กระหม
“นางมาทำอะไรที่นี่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วฮูหยินรองสกุลฉินคือมารดาผู้ให้กำเนิดฉินเสวี่ยเย่ว์ และภรรยาคนที่สองของท่านพ่อยังไม่ทันที่นางจะไปขอสินเดิมคืน ผู้หญิงคนนั้นก็กล้ามาหาถึงประตูบ้าน“ก็ให้นางรอที่ห้องโถงจิ่นซื่อไป อย่าให้บ่าวรับใช้ยกชาไปให้ แล้วก็เพิกเฉยต่อนางเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ปล่อ
“เฟ่ยชุ่ย ร่างกายของเจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”ขอบตาของเฟ่ยชุ่ยเป็นสีแดง “ขอบคุณพระชายา บ่าวดีขึ้นมากแล้วเพคะ พระชายาเล่าเพคะ? บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”“ข้าสบายดี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองประเมินนางเฟ่ยชุ่ยฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก ใบหน้าซีดเซียว หลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ก็ยิ่งหน้าซีดมากขึ้น
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ซับน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง ยิ้มเยาะในใจ แต่บนใบหน้ากลับมีสีหน้าบึ้งตึง “ลูกจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”สิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักเป่าลู่วันนี้ ฮ่องเต้มีรับสั่งห้ามเผยแพร่ออกไปพวกพระสนมเจิ้นไม่มีทางพูดไร้สาระ และฮูหยินรองได้ยินเพียงไม่กี่คำจากคนที่เกี่ยวข
จากนั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ามีรอยประทับฝ่ามืออันโอหังสองรอยบนใบหน้าของเฟ่ยชุ่ย“สาวใช้ข้างกายฮูหยินรองตบเจ้าหรือ?”เฟ่ยชุ่ยพยักหน้าและสูดจมูก “พระนาง บ่าวไม่เป็นไรเพคะ”“เป็นสิ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แอบเสียใจทีหลังนางอยากจะแกล้งทำเป็นอ่อนแอให้คู่ต่อสู้ตายใจ แล้วถือโอกาสคว้าชัยในท้ายที่
“นางสิสมควรตาย ไม่ใช่ข้า พวกท่านจับคนผิดแล้ว”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้อีกแล้ว ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจเท่านั้นเลือดสาดกระจายเต็มพื้น ย้อมทั้งห้องกลายเป็นสีแดงฉานนางล้มจมกองโลหิต ยืดคอไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนเสียชีวิตยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กระทั่งตายนางก็ยังไม่เข้าใจ เ
ปวดหัว!ปวดหัวหนักมาก!ปวดหัวจนจะตายอยู่แล้ว!ความเจ็บปวดที่น่าหวาดกลัวและไม่อาจควบคุมได้มาเยือนกะทันหันเช่นเดียวกับทหารเรือนพันม้าเรือนหมื่น พุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุเดือดมากจนไม่ทันได้โต้ตอบเลย“อ๊าก ทำไมกัน? หัวข้าปวดหัวเหลือเกิน”“เหตุใดถึงเป็นข้า?”“อ๊าก ปวด ปวดมากเลย”“ท่านน้า ช่วยข้าด้
“เสวี่ยเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวลอีก เพราะเกรงว่าเจ้าอาจจะไม่มีวันได้พบกับฉินเหยี่ยนเย่ว์อีกแล้วล่ะ” หมิ่นจูกล่าว “ข้าไม่สบาย เจ้ากินอาหารให้อิ่มท้องเถอะ”ฉินเสวี่ยเย่ว์ไม่วางใจนางทุบประตูอย่างแรง “ท่านน้า ท่านน้า ท่านทำอีกครั้งเถอะ ถ้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ตายอีกเจ็ดแปดครั้งข้าก็ไม่พอใจหรอกนะ”หมิ่นจูหล
หลังจากที่หมิ่นจูดื่มชาครบสามแก้วรวด ก็หยิบเหรียญทองแดงสามเหรียญออกมาจากด้านในแขนเสื้อนางเห็นสัญลักษณ์การทำนายจากเหรียญ ดวงตาหรี่ลงเดินเตร่ร่ำไห้เป็นสายโลหิต ทรายเหลืองเต็มนภา และพลังชีวิตทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นในชั้นดินลึก——เป็นคำทำนายที่ไม่ดีอย่างยิ่งยวดหมิ่นจูจ้องมองสัญลักษณ์นี้อยู่นานแม้ว่าเป
“ข้าอยากให้นางตาย”“อ๊าก ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายซะ”ดวงตาทั้งสองข้างของนางเป็นสีแดงโลหิต ใบหน้าดุร้าย มองบุคลิกที่มีเสน่ห์ในอดีตไม่ออกเลยสักนิดหมิ่นจูจ้องมองฉินเสวี่ยเย่ว์ที่โฉมหน้าเปลี่ยนไป พลางส่ายหัวเล็กน้อยฉินเสวี่ยเย่ว์ผู้นี้ ราวกับถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันกับหมิ่นอวี้ไร้วิสัยทัศน์เช่นเดียว
เขตชานเมืองเมืองเหวินจิงในจวนหลังใหญ่อันเงียบสงบ มีลานเรือนที่ลึกมาก ๆ อยู่เมื่อข้ามทะเลสาบเทียมซึ่งมีใบบัวเหี่ยวเฉากระจายไปทั่ว รวมถึงป่าไผ่ สามารถเห็นศาลาสีแดงเล็กที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นหลิวได้รำไรในศาลาเล็ก ๆฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง และแทบจะสติฟั่นเฟือนอยู่รอมร่อคว้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าขา
จีอู๋เยียนท่าทีเคร่งขรึมเขายืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาหงส์ขึ้นเล็กน้อย ราวกับรอให้นางพูดต่อไปฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดจบแล้ว และกำลังรอคำตอบของเขา “ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”“หมดแล้ว?” จีอู๋เยียนถามหลังจากรอสักพัก“หมดแล้ว”“แค่นั้นหรือ?” จีอู๋เยียนมองนางราวกับมองคนโง่เขลา “ท่านคงมิได้กำลังเล่นตลกอยู่กระมัง?”เ
จีอู๋เยียนเหลือบมองลู่จิ้นที่ร้องเอะอะไม่หยุดทว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดเขามองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยสีหน้าเย็นชา ไอสังหารเยียบเย็น “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ความอดทนของข้ามีจำกัด แนะนำท่านอย่าได้ผลัดวันอีก”ลู่จิ้นถูกเมิน ทั่วทั้งใบหน้าล้วนเป็นสีทะมึน“จอมปีศาจ เจ้าหาเรื่องอยู่ใช่หรือไม่?”“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา