เมื่อเห็นว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่อยากพูด ลู่ซิวจึงค้อมตัวลงเคารพ “ขอพระนางให้คำแนะนำด้วยเถิด”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือกุมหน้าอกหินก้อนมหึมาที่ปิดกั้นหัวใจของนางไม่สามารถเอาออกได้ กดทับจนทำให้นางหายใจไม่ออก “ขออภัย เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”“คราวหน้าก็มิทันแล้ว” ลู่ซิวไม่ยอมแพ้ แสร้งทำเป็นถ่อมตัวและเต็มใจที่จ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเย้ยหยัน “นี่คือจวนอ๋องเจ็ด มิใช่อาณาเขตของผู้อื่น เขาจะเป็นถึงเช่นนี้เลยหรือ?”“ถ้ามีใจปกป้องพวกนางจริงๆ มู่เหยี่ยจะฆ่าพวกนางได้อย่างไร?”“พระนาง มีบางเรื่องที่ไม่ใช่ว่าท่านคิดอยากจะทำก็สามารถทำได้” ลู่ซิวพูดต่อ “จวนอ๋องเจ็ดเป็นที่ของท่านอ๋องก็จริง แต่ถ้าท่านอ๋องสอดมือเข้าไป ความ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหายใจเข้าลึก พลางคิดว่าควรใช้เหตุผลใดในการเข้าหาเขาดีสุดท้ายสิ่งที่เพิ่งพูดไปช่างไร้ความปรานีเสียมาก ไปขอโทษก็กระดากอายนิดหน่อย“นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย ใครให้ท่านทำท่าทีดูลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกอยู่เสมอกัน ท่านไม่พูดอะไรเลยสักคำ ใครจะคาดเดาได้ว่าท่านทำอะไร” นางสวมเสื้อผ้า
นกกระเต็นราวกับมีชีวิต โบยบินเหนือต้นกก ปีกกว้างแผ่สยาย แนวคิดศิลปะกว้างไกลทั้งยังใจเปิดกว้าง“ไก่ตัวนี้ที่ท่านวาดดูน่าอร่อยทีเดียว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดว่า “วาดภาพมานานเพียงนี้แล้ว ท่านหิวแล้วใช่ไหมเพคะ? ดูเหมือนพวกเรานับว่าใจตรงกัน หม่อมฉันก็ได้นำไก่ฟ้าย่างแบบเดียวกันมาให้ท่านด้วย”นางหยิบไก่ฟ้าย่าง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจติดขัดห่างออกไปเพียงนิ้วเดียว ใบหน้าของตงฟางหลีนั้นชัดเจนขึ้นนางได้กลิ่นกล้วยไม้ที่กำจายจากร่างกายของเขา ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาชัดเจน และสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่มืดมนทว่าอุ่น“ท่าน...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เบือนหน้าไปทางด้านข้าง “ใกล้หม่อมฉันมากเพียงนี้ อยากทำอันใดหรือ?”“เจ้าจ
นางกำนัลได้กินยาถอนพิษเพียงเม็ดเดียวไปแล้ว และจำเป็นต้องทำใหม่นี่คือเบี้ยต่อรองที่จะช่วยชีวิตนาง จะส่งมอบไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ตงฟางหลีดูเหนื่อย “เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว เอาไก่ฟ้าย่างของเจ้าไปเสีย”“โอ้ใช่ ท่านยังไม่ได้กินไก่ฟ้าย่างเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “นี่เป็นของที่หม่อมฉันทำเอง อย่างน
“ตู้เหิง เจ้ามาถูกเวลาพอดี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลุกขึ้นยืนแล้วพูด “อีกประเดี๋ยวเอาไก่ฟ้าย่างบนโต๊ะกลับไปปรุงให้สุกที่ห้องครัวอีกรอบนะ”ดวงตาของตู้เหิงเบิกกว้างท่านอ๋องมีสีหน้าถึงใจ ขณะที่พระชายาอยู่ใต้โต๊ะหรือ?นี่มันคือองค์ประกอบแบบใดกัน?ตู้เหิงนึกถึงเรื่องขบขันในตอนที่ได้ยินลู่ซิวหลอกให้เขาไปยังหอมวล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ขึ้นท้องฟ้าและชี้ลงพื้นดิน “แน่นอนสิเพคะ สวรรค์และปฐพีเป็นพยาน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรู้ผิดก็แก้ไขอีกแล้ว”ตงฟางหลีเย้ยหยันนาง “รู้ผิดก็สามารถแก้ไขได้หรือ?”“ถ้าหม่อมฉันรู้สึกผิดจากใจจริง ทั้งวันทั้งคืนจะกินอาหารไม่อร่อย นอนไม่หลับ ยากที่จะผ่านพ้นทุกสิ่งที่อยู่ในใจไปได้ จึงจำเป็นต้อง