นกกระเต็นราวกับมีชีวิต โบยบินเหนือต้นกก ปีกกว้างแผ่สยาย แนวคิดศิลปะกว้างไกลทั้งยังใจเปิดกว้าง“ไก่ตัวนี้ที่ท่านวาดดูน่าอร่อยทีเดียว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดว่า “วาดภาพมานานเพียงนี้แล้ว ท่านหิวแล้วใช่ไหมเพคะ? ดูเหมือนพวกเรานับว่าใจตรงกัน หม่อมฉันก็ได้นำไก่ฟ้าย่างแบบเดียวกันมาให้ท่านด้วย”นางหยิบไก่ฟ้าย่าง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจติดขัดห่างออกไปเพียงนิ้วเดียว ใบหน้าของตงฟางหลีนั้นชัดเจนขึ้นนางได้กลิ่นกล้วยไม้ที่กำจายจากร่างกายของเขา ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาชัดเจน และสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่มืดมนทว่าอุ่น“ท่าน...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เบือนหน้าไปทางด้านข้าง “ใกล้หม่อมฉันมากเพียงนี้ อยากทำอันใดหรือ?”“เจ้าจ
นางกำนัลได้กินยาถอนพิษเพียงเม็ดเดียวไปแล้ว และจำเป็นต้องทำใหม่นี่คือเบี้ยต่อรองที่จะช่วยชีวิตนาง จะส่งมอบไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ตงฟางหลีดูเหนื่อย “เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว เอาไก่ฟ้าย่างของเจ้าไปเสีย”“โอ้ใช่ ท่านยังไม่ได้กินไก่ฟ้าย่างเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “นี่เป็นของที่หม่อมฉันทำเอง อย่างน
“ตู้เหิง เจ้ามาถูกเวลาพอดี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลุกขึ้นยืนแล้วพูด “อีกประเดี๋ยวเอาไก่ฟ้าย่างบนโต๊ะกลับไปปรุงให้สุกที่ห้องครัวอีกรอบนะ”ดวงตาของตู้เหิงเบิกกว้างท่านอ๋องมีสีหน้าถึงใจ ขณะที่พระชายาอยู่ใต้โต๊ะหรือ?นี่มันคือองค์ประกอบแบบใดกัน?ตู้เหิงนึกถึงเรื่องขบขันในตอนที่ได้ยินลู่ซิวหลอกให้เขาไปยังหอมวล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ขึ้นท้องฟ้าและชี้ลงพื้นดิน “แน่นอนสิเพคะ สวรรค์และปฐพีเป็นพยาน ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรู้ผิดก็แก้ไขอีกแล้ว”ตงฟางหลีเย้ยหยันนาง “รู้ผิดก็สามารถแก้ไขได้หรือ?”“ถ้าหม่อมฉันรู้สึกผิดจากใจจริง ทั้งวันทั้งคืนจะกินอาหารไม่อร่อย นอนไม่หลับ ยากที่จะผ่านพ้นทุกสิ่งที่อยู่ในใจไปได้ จึงจำเป็นต้อง
ตงฟางหลีฟังคำพูดไร้สาระของนาง รอยยิ้มที่มุมปากก็คลี่ออกกว้างขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไม่เห็นสีหน้าของเขา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่าหวั่นเกรงเบา ๆ พลันตัวสั่นด้วยความเยือกยะเย็นอย่างน่าประหลาด“ท่านกำลังหัวเราะอันใดอยู่?” นางใจเต้นตุบ ๆ เป็นตอนนี้เอง ที่นางเพิ่งจะรู้สึกเสียใจขึ้นมา เหตุใดเมื่อครู
บางครั้งก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับเมฆบาง ๆ และสายลมที่แผ่วเบา บางครั้งกลับราวกับห้วงเหวลึกก็มิปานคล้ายดั่งมีกลิ่นไอเทพเซียนทั้งยังมีความคิดชั่วร้าย เป็นดั่งสุนัขจิ้งจอก ทั้งยังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเซียน ที่ทำให้คนยากจะคาดเดา “ถึงแล้ว”ตงฟางหลีขัดจังหวะความคิดฟุ้งซ่านของนาง แล้วลงจากรถม้าเป็นคนแรกฉินเหย
“เพราะเหตุใด?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้ามองเด็กหยาบคายผู้นี้ “ข้ามาพร้อมกับตงฟางหลี เจ้ามองไม่เห็นหรือ?”“เห็นแล้ว เจ้าคือสาวใช้ที่ท่านอ๋องเจ็ดพามา จะต้องรอที่ด้านนอก” เด็กน้อยยืนขวางอยู่กลางทางฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่เห็นตงฟางหลีเดินไปไกลแล้วก็รีบโบกมือ “นี่ ตงฟางหลี ตรงนี้มีถั่วน้อยต้นหนึ่งกำลังขวางหม่อมฉ
นางมองฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาไหลทะลักลงมา “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้า เจ้าหมายความว่า...”“ข้าคือพี่สาวที่เด็กคนนั้นต้องการตามหาหรือ?” นางต้องใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากถึงจะพูดประโยคนี้ออกมาได้“สวรรค์ จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร” พระสนมเหยาไม่รอให้นางตอบคำถาม ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นนางกุมใ
พระสนเหยาขวดคิ้วหากัน ที่หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเศร้าโศกนางจับจ้องภาพวาดอยู่เนิ่นนาน ถึงได้วางภาพลงข้าง ๆ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยถามขึ้น “คนวาดภาพนี้เป็นใคร?”“เป็นนักวาดภาพคนหนึ่งของพี่เจ็ด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตัดบท “สนมเหยา แม้ข้าจะรู้ว่าท่านเจ็บปวดมาก ทว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ...”“ทั
ครั้นเห็นนางวิ่งหอบแฮกแฮกเข้ามา พลันเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “เหยี่ยนเย่ว์ ท่าทางเร่งรีบ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”หลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นพระสนมเหยาที่เป็นที่โปรดปราณของสวรรค์ จิตใจพลันผ่อนคลายลงทันทีบุตรีสวรรค์อยู่ที่นี่ ของเละเทะวุ่นวายอะไรนั่นล้วนต้องถอยกลับไป“ข้ามาดูดซับโชคดีสักหน่อย” นางทรุดกา
“ของอะไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว“จีอู๋เยียน?”“ท่านพูดมาให้ชัดเจนสิ”จีอู๋เยียนเดินออกไปไกลแล้ว เสียงก็เลือนหายไปด้วยเช่นเดียวกัน“บ้าจริง!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ห่อไหล่ ลอบสบถคำหยาบออกมาหนึ่งคำจีอู๋เยียนไม่พูดคำพูดนั้นออกมายังดี หลังจากพูดออกมาแล้ว นางมักจะรู้สึกจั๊กจี้อยู่ในใจในห้องจะมีข
จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล
“ใช่ แหวนขอแต่งงาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ท่าทีจริงจัง “ในที่พวกเราอยู่นั้น หลังจากที่ชายหญิงสองฝ่ายมั่นใจในความรู้สึกแล้ว ฝ่ายชายก็จะมอบแหวนแต่งงานให้กับฝ่ายหญิง”“หากฝ่ายหญิงรับแหวนไว้ ก็เท่ากับยอมรับการขอแต่งงาน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ ท่านก็สู้ ๆ ล่ะ”ใบหน้าจีอู๋เยียนแดงก่ำเขาสังหารคนเหมือนเป็น
ไอเย็นสายนั้นแผ่มาจากในห้อง ทะลุผ่านผ้าห่ม ปกคลุมความร้อนในเตาไฟ เสียดแทงผิวหนังของนางจนรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวมากเลยทีเดียวฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นหัวคิ้วดิ้นรนอยู่สักพัก ถูกความรู้สึกถูกเข็มทิ่มนี้รบกวนจนมิอาจนอนหลับได้อีก ได้แต่ลืมตาขึ้นในผ้าม่าน มีเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ข้างเตียง กำลังจับจ้องน
“หม่อมฉันต้องการภาพเหมือนวัยเยาว์ของสนมเหยา ท่านให้สิ่งนี้กับหม่อมฉันทำไมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองภาพนั้นขึ้นลงคนในภาพไม่คล้ายกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยถือภาพที่น่าเกลียดขนาดนี้ไปตามหาคน ลำบากพวกฉยงฮวาแล้ว“ให้เจ้าได้เห็นความยากลำบากในการตามหาคนของพวกฉยงฮวาต่างหากเล่า” ตงฟางหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าเค
“เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ