ตงฟางหลีฟังคำพูดไร้สาระของนาง รอยยิ้มที่มุมปากก็คลี่ออกกว้างขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไม่เห็นสีหน้าของเขา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่น่าหวั่นเกรงเบา ๆ พลันตัวสั่นด้วยความเยือกยะเย็นอย่างน่าประหลาด“ท่านกำลังหัวเราะอันใดอยู่?” นางใจเต้นตุบ ๆ เป็นตอนนี้เอง ที่นางเพิ่งจะรู้สึกเสียใจขึ้นมา เหตุใดเมื่อครู
บางครั้งก็เป็นเฉกเช่นเดียวกับเมฆบาง ๆ และสายลมที่แผ่วเบา บางครั้งกลับราวกับห้วงเหวลึกก็มิปานคล้ายดั่งมีกลิ่นไอเทพเซียนทั้งยังมีความคิดชั่วร้าย เป็นดั่งสุนัขจิ้งจอก ทั้งยังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกเซียน ที่ทำให้คนยากจะคาดเดา “ถึงแล้ว”ตงฟางหลีขัดจังหวะความคิดฟุ้งซ่านของนาง แล้วลงจากรถม้าเป็นคนแรกฉินเหย
“เพราะเหตุใด?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้ามองเด็กหยาบคายผู้นี้ “ข้ามาพร้อมกับตงฟางหลี เจ้ามองไม่เห็นหรือ?”“เห็นแล้ว เจ้าคือสาวใช้ที่ท่านอ๋องเจ็ดพามา จะต้องรอที่ด้านนอก” เด็กน้อยยืนขวางอยู่กลางทางฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่เห็นตงฟางหลีเดินไปไกลแล้วก็รีบโบกมือ “นี่ ตงฟางหลี ตรงนี้มีถั่วน้อยต้นหนึ่งกำลังขวางหม่อมฉ
“เจ้า!” เด็กน้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เอายาถอนพิษมา”“ไม่ให้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์น้ำเสียงเคร่งขรึม “หากเจ้าคันจนทนไม่ไหว ก็ให้ไปโขกศีรษะที่ป่าไผ่เล็กข้าง ๆ จะต้องโขกศีรษะไปด้วยพูดไปด้วยว่าชายาอ๋องเจ็ดคือหญิงงามอันดับหนึ่ง และตอนที่โขกศีรษะจะต้องโขกด้วยความเคารพ ต้องหมอบทั้งกายบนพื้นก็เป็นอันใช้ได้ เมื่อโ
ตงฟางเจวี๋ยได้ยินเสียงร้องตะโกนว่าชายาอ๋องเจ็ดคือหญิงงามอันดับหนึ่งของหลิวซิงจากป่าไผ่เล็ก รอยยิ้มจาง ๆ พลันผุดขึ้นบนใบหน้าเคร่งขรึมฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ เป็นดั่งเช่นที่น้องเจ็ดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ นางแตกต่างจากในอดีตไปโดยสิ้นเชิงสามารถทำให้หลิวซิงกระวนกระวายได้ นางถือว่าเป็นคนแรก“ขอบใจ” เขาดันแก
เดิมทีตงฟางหลีก็หาได้ดึงดันไม่ เพียงแต่มิต้องการทำตามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวเท่านั้น เห็นว่าตงฟางเจวี๋ยเอ่ยปาก ก็เออออหาทางลงไม่นานอาหารก็ถูกวางขึ้นโต๊ะทั้งหมด ทั้งประณีตและมีรสชาติเลิศล้ำฉินเหยี่ยนเย่ว์คีบหมูกรอบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ชิมไปหนึ่งคำ พลันเบิกตากว้างทันทีหมูกรอบกรอบนอก นุ่มใน น้ำจากเนื้อถู
“หรือบางที พวกเราสืบมาถูกทางตั้งแต่แรก” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “เพียงแต่ถูกคนทำให้สับสนเท่านั้น”ตงฟางหลีสีหน้าเคร่งขรึมพิษผีเสื้อไร้กลิ่น สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของพี่ใหญ่ หากไม่เกี่ยวข้องกับน้องสิบ ก็อาจจะพอยอมรับได้หากน้องสิบเกือบประสบกับอันตรายในวันมงคลนั่นเป็นฝีมือขององค์ชายหกทว่าน้องสิบถูกทำร
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัดบท “กระเพราะเป็นทะเลแห่งสารอาหาร รองรับอาหารและน้ำเพื่อย่อยอาหาร เป็นท่อลำเลียงหลัก หากชี่ในกระเพราะอาหารไม่เพียงพอ ก็มิอาจดูดรับอาหารได้ ลำไส้เล็กสร้างสารน้ำขึ้นมา ส่วนลำไส้ใหญ่จะดูดของเหลวส่วนเกินออก ลำไส้และกระเพาะของท่านล้วนไม่ดี ดูดซึมได้แย่ นานวันเข้า ร่างกายจึงเสื่อมถอยอย่าง
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ