ระหว่างอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น รูปภาพบางส่วนได้กระพริบขึ้นอย่างเลือนรางในสมองรูปภาพเหล่านั้นพร่าเลือนมาก ราวกับถูกหมอกหนา ๆ ปกคลุมไว้หนึ่งชั้นในระหว่างมึนงง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวกับเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งมองเห็นเด็กน้อยที่กำลังดิ้นรนบนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ กลางทะเลสาบท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของลมหนาวใบหน้าข
ฉินเหยี่ยนเย่ว์นวดหว่างคิ้ว ระหว่างที่ค้นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอย่างสุดกำลังทว่า ไม่มีร่องรอยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแม้แต่น้อยภาพภาพนั้น เกรงว่าคงจะเป็นความฝันฉากหนึ่งกระมังยามที่คนเราเหนื่อยล้าถึงขีดสุด สิ่งที่ได้ยิน หรือข้อมูลที่ได้เห็นก่อนนอน มักจะทำงานบนเปลือกสมอง และพัฒนาจนนำไปสู่เน
”ช่างเถิด” ความคิดของตงฟางหลีหมุนตลบไปหลายรอบในระยะเวลาอันสั้น เขาปกปิดความเย็นชาในแววตา ก่อนจะเอ่ยว่า “ตู้เหิง ปิดข่าวที่เกี่ยวข้องกับนางเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ” เมื่อตูเหิงเห็นท่าทีไม่กล่าวโทษ ก็ผ่อนลมหายใจหมอหลวงหลินจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและนั่งตัวตรงที่ตำหนักนอกเขาพิจารณาเทียบยาที่เพิ่มสมุนไพรสองสาม
แม่นางดอกบัวขาวปากหวานก้นเปรี้ยวผู้นั้น มาทำอะไรจวนอ๋องในยามนี้?หรือว่าแสร้งมาเยี่ยมเยียนตงฟางหลี?เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้น ความโกรธก็พุ่งทะลักขึ้นมา พลังหลุดจากการควบคุมเล็กน้อยเมื่อวาน นางและตงฟางหลีต่างบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย มีเพียงซูเตี่ยนฉิงเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะ เมื่อคิ
สมุนไพรทั้งหมดที่ใช้ในยาแก้พิษล้วนเป็นยาพิษ บางชนิดยังเป็นสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงไม่เพียงเท่านี้ เมื่อนำยาแก้พิษมาบด เผา เทใส่น้ำ หรือใส่เหล้า วิธีที่ไม่เหมือนกันย่อมได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งอย่างเช่น นำยาเม็ดมาบดแล้วเผาในปริมาณเล็กน้อย จักทำให้ปลายลิ้นชา และร้อนรุ่ม
ไป๋โค้วร้องอืออืออาอาลำคอที่เมื่อสักครู่จังจะฝืนเปล่งเสียงออกมาได้นั้น ตอนนี้ ราวกับว่าคอได้พังไปแล้ว พูดไม่ออก ทำได้เพียงอ้าปากกว้างและหอบหายใจเฮือกใหญ่เท่านั้นนางพยายามอยู่หลายครั้ง ทว่ามิอาจเปล่งเสียงออกมาได้ แม้กระทั่งเสียงร้องพื้นฐานยังทำไม่ได้กลายเป็นคนใบ้อย่างกะทันหัน นางทั้งหวาดกลัวทั้งโก
นางยืนกลางสวน ไร้ความเศร้าโศก ไร้ความยินดีสายลมพัดมา พัดเอาหมอกยามเย็นกระจายออกไป พัดปลายผมของนางให้พลิ้วไสว เส้นผมปัดผ่านแก้ม นางใช้มือเปล่าเกี่ยวเส้นผมไปทัดหลังใบหูอย่างแผ่วเบา แล้วยืนรออย่างสงบรอประมาณหนึ่งเค่อ ก็มองเห็นเกี้ยวของซูเตี่ยนชิงกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ได้จากที่ไกล ๆทั้งสองฝั่งเกี้
ซูเตี่ยนฉิงแววตาเป็นประกาย พลางพยักหน้า “พวกเจ้าพูดได้มีเหตุผล ฟางเฉ่า เจ้าไปเชิญพระชายาออกไปอยู่อีกฝั่งเสีย”แม้ปากจะพูดว่าเชิญ ในแววตากลับประกายลำแสงร้ายกาจและเหี้ยมโหดสาวใช้นามว่าฟางเฉ่าเห็นแววตาของเจ้านาย ก็เข้าใจทันที นางเชิดหน้าขึ้น เดินตรงไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์“สุนัขดีไม่ขวางทาง หากเจ้าไม่อยา
หากจากไปแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอีก“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม “ข้าอยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ระยะนี้ท่านได้ไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่ ขอแค่ท่านบอกข้าว่าเคยไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่เคยไป ก็เป็นการชดใช้น้ำใจคืนให้ข้าแล้ว”พระชายาเฉียนไม่พอใจ “เจ้าจะดูหมิ่นน้ำใจข้าเกินไปแล้ว”“ข้าเคยไปหออวิ๋นซี น่าจะทิ
“พระชายาอ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” พระชายาเฉียนกล่าว “พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับห่วงที่จองจำมานานหลายปีทั้งหมดได้หายไป ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”“นี่มิใช่ว่าข้าตั้งใจพูดถ้อยคำเหล่านี้มาทำให้เจ้าเบาใจลงหรอกนะ ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นคำพูดจากใจ ข้าใช้เวลากว่า
หลิวฉือมองเห็นสีหน้ารังเกียจของแมวดำ ก็อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาเขาวางมือสั่นเทาลงบนหัวของแมวดำ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นแมวที่พี่สาวของข้าเลี้ยงมาหรือ? พี่หญิง นางสบายดีหรือไม่?”ครั้นเอ่ยถ้อยเหล่านี้ เขาก็ต้องหัวเราะเย้ยหยันตนเองพี่หญิงเป็นพระสนมในวัง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องประดับหรือว่าอาหาร จะต้
ระยะนี้ซูจิ้นถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ทุก ๆ สองถึงสามวัน ด้วยต้องการให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งกับตงฟางหลี ซูเตี่ยนฉิงเองก็ไม่เสียดายเลยที่ต้องการลดฐานะตัวเองลงมาเป็นพระชายารองเพื่อเข้าประตูจวนอ๋องเจ็ดและในช่วงเวลาสำคัญนี้ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจ็ดก็ได้ว่างลงขอเพียงผู้ที่มีสมองก็สามารถคาดเดาได้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ขอ
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่