ซูเตี่ยนฉิงแววตาเป็นประกาย พลางพยักหน้า “พวกเจ้าพูดได้มีเหตุผล ฟางเฉ่า เจ้าไปเชิญพระชายาออกไปอยู่อีกฝั่งเสีย”แม้ปากจะพูดว่าเชิญ ในแววตากลับประกายลำแสงร้ายกาจและเหี้ยมโหดสาวใช้นามว่าฟางเฉ่าเห็นแววตาของเจ้านาย ก็เข้าใจทันที นางเชิดหน้าขึ้น เดินตรงไปยังฉินเหยี่ยนเย่ว์“สุนัขดีไม่ขวางทาง หากเจ้าไม่อยา
ผู้คนหาได้เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่พวกเขาเห็นเพียงแค่ว่า ในยามที่ฟางเฉ่ากำลังจะจับพระชายานั้น จู่ ๆ นางก็หยุดชะงักไป พร้อมทั้งถูกพระชายาตบหน้าไปเสียฉากใหญ่การตบนั้น ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว มีเพียงเสียงตบเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เท่านั้นที่ดังสนั่นกึ่งก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ทำเอาผู้คนที่ได้ยินนึกอกสั่นขวัญ
แม่นมมิคิดเลยว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์จักกระทำตัวได้บ้าระห่ำเช่นนี้ เมื่อนางถูกถีบติด ๆ กันสองครั้ง โดยเฉพาะในคราที่สอง ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้แรงถีบที่เต็มไปด้วยพละกำลังมากมายเตะไปที่หน้าท้องของนางอย่างเต็มแรงความเจ็บปวดพลันแพร่กระจายออกไปทั่วร่าง แม่นมพยายามสูดลมหายใจของตนเองเข้าไป “ท่านมิอยากให้หม่อมฉันเ
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ เจ้ารู้สึกไม่พอใจข้า เป็นเพราะในใจพี่หลี่มีเพียงข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่”“พี่หลีชอบข้า หาใช่ความผิดของข้าไม่ เจ้าเอาความโกรธโมโหของตนมาลงที่ตัวข้าเช่นนี้ มิคิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์สะบัดมือไปในทันที “ซูเตี่ยนฉิง เจ้าอย่าได้หลงตัวเองเกินไปนัก เจ้าหมายความว่าข้าอิจฉาเจ้
“นังสารเลว เจ้าเอาอันใดให้ข้ากินกัน?” หลังจากที่แม่นมหลี่ขยับตัวได้แล้วนั้น ดวงตาของนางพลางเบิกกว้างออกมาในทันที พร้อมทั้งเกาไปที่ลำคอของตนอย่างบ้าคลั่งเม็ดยาที่ละลายในลำคอออกไปแล้วนั้น ทำให้ไม่สามารถหยิบมันออกมาได้“ส่งยาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” แม่นมหลี่พลันรีบวิ่งเข้ามา“นังสารเลว มอบยาถอนพิษมาให
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หรี่ตาลง พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาพร้อมทั้งเสียงเพี้ยะที่ดังขึ้นมา! เพี้ยะ! เสียงตบพลันดังกึ่งก้องไปทั่ว โดยเฉพาะลมหนาวที่พัดพาจนลึกเข้ากระดูกเช่นนี้ แม่นมหลี่ถูกตบจนตะลึงไปในทันทีใบหน้าของนางพลันค่อย ๆ แสดงความเจ็บปวดออกมา ลิ้นคล้ายกับถูกไฟไหม้ ทำเอานางรู้สึกเจ็บปวดเสียจนทนแทบไม่ไหว“เ
หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์เต้นตุบ ๆ อยู่หลายครั้งนางกำลังสับสนนางคิดอยู่เสมอว่าตงฟางหลีไม่ลังเลเลยที่จะตัดเอ็นข้อมือของตนเพื่อปกป้องซูเตี่ยนฉิงเมื่อได้ฟังคำพูดบางคำของซูเตี่ยนฉิงแล้ว ก็ราวกับมีสายฟ้าสีน้ำเงินฟาดเข้าที่หน้าผากหาก...หากยามนั้น ตงฟางหลีไม่ตัดเอ็นข้อมือจนขาด นางอาจจะถูกซูเตี่ยนฉิงผล
นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของซูเตี่ยนฉิงภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่งามล่มเมืองกลับมีหัวใจอันดำมืดซุกซ่อนอยู่“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะโง่งมจัดการกับเจ้าแบบเดียวกับที่จัดการกับสาวใช้และแม่นมของเจ้า?” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์เบา คิ้วขมวดเข้าหากัน“ซูเตี่ยนฉิง ที่เจ้าส่งคนทั้งหมดออกไป เป็นเพราะกลัวว่าใบหน้า
หากจากไปแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอีก“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม “ข้าอยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ระยะนี้ท่านได้ไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่ ขอแค่ท่านบอกข้าว่าเคยไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่เคยไป ก็เป็นการชดใช้น้ำใจคืนให้ข้าแล้ว”พระชายาเฉียนไม่พอใจ “เจ้าจะดูหมิ่นน้ำใจข้าเกินไปแล้ว”“ข้าเคยไปหออวิ๋นซี น่าจะทิ
“พระชายาอ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” พระชายาเฉียนกล่าว “พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับห่วงที่จองจำมานานหลายปีทั้งหมดได้หายไป ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”“นี่มิใช่ว่าข้าตั้งใจพูดถ้อยคำเหล่านี้มาทำให้เจ้าเบาใจลงหรอกนะ ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นคำพูดจากใจ ข้าใช้เวลากว่า
หลิวฉือมองเห็นสีหน้ารังเกียจของแมวดำ ก็อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาเขาวางมือสั่นเทาลงบนหัวของแมวดำ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นแมวที่พี่สาวของข้าเลี้ยงมาหรือ? พี่หญิง นางสบายดีหรือไม่?”ครั้นเอ่ยถ้อยเหล่านี้ เขาก็ต้องหัวเราะเย้ยหยันตนเองพี่หญิงเป็นพระสนมในวัง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องประดับหรือว่าอาหาร จะต้
ระยะนี้ซูจิ้นถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ทุก ๆ สองถึงสามวัน ด้วยต้องการให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งกับตงฟางหลี ซูเตี่ยนฉิงเองก็ไม่เสียดายเลยที่ต้องการลดฐานะตัวเองลงมาเป็นพระชายารองเพื่อเข้าประตูจวนอ๋องเจ็ดและในช่วงเวลาสำคัญนี้ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจ็ดก็ได้ว่างลงขอเพียงผู้ที่มีสมองก็สามารถคาดเดาได้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ขอ
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่