จวนอ๋องเฟิง“เป็นอย่างไร?” พระชายาอ๋องเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม ข้อมือพลิกขึ้น วางอยู่บนโต๊ะ มองไปทางฉู่เชียนหลีที่กำลังตรวจชีพจรให้นางไม่เจอกันหลายวัน สีหน้านางดูดีขึ้นมากฉู่เชียนหลีจับชีพจรสักพัก เหลือบมองท่าทางที่ร้อนใจของพระชายาอ๋องเฟิงแวบหนึ่ง นางค่อยๆ เก็บมือกลับ เอ่ยปากอย่างใจเย็น“ผลข้างเคียงที่เกิดจากการแท้งลูก บำรุงแล้วเจ็ดแปดส่วน”“เช่นนั้นข้าสามารถตั้งครรภ์หรือไม่!” นางรีบกล่าวถามต่อนี่จึงจะเป็นปัญหาที่นางห่วงปัจจุบันรัชทายาทถูกปลด ส่วนอ๋องเฟิงที่เป็นลูกชายคนที่สองมีคุณสมบัติเป็นรัชทายาทที่สุด พระชายาอ๋องเฟิงย่อมอยากตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกในเร็ววันแต่ลูกใช่สิ่งที่อยากมีก็สามารถมีได้เลยหรือ?ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างไม่เร่งไม่รีบ “ร่างกายของท่านยังคงแย่มาก ต้องค่อยๆ บำรุงไปเรื่อยๆ เดิมทีก็เป็นร่างกายที่ตั้งครรภ์ยากอยู่แล้ว ถ้าหากฝืนตั้งครรภ์จนได้ ก็ใช่ว่าจะสามารถรักษาไว้เสมอไป”พระชายาอ๋องเฟิงไม่อยากฟังคำพูดตามสูตรเหล่านี้ หลายปีมานี้ นางฟังจนหูแทบด้านแล้วตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง“ไม่ว่าเจ้าต้องการเงินเท่าไร เงินทองไข่มุกอัญมณีหรือของอะไรก
ฉู่เชียนหลีย่อมจำได้อยู่แล้วตอนนั้น ทุกคนก้าวออกมาตำหนินาง คิดว่านางเป็นคนจิตใจอำมหิต วางแผนทำร้ายทายาทราชวงศ์ มีเพียงพระชายาอ๋องติ้งที่พูดแทนนางและก็เพราะเรื่องนี้ นางกับพระชายาอ๋องติ้งจึงได้ผูกมิตรภาพร่วมกันแต่เพราะเหตุใดนางต้องรักษาพระชายาอ๋องเฟิงล่ะ?อาจเป็นเพราะมีศัตรูเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ไม่สู้มีสหายเพิ่มขึ้นหนึ่งคน? หรืออาจเป็นเพราะพระชายาอ๋องเฟิงแต่งงานแปดปี อายุใกล้สามสิบปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูก ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ไม่สามารถเป็นแม่คน มันไม่สมบูรณ์ คงจะประมาณว่าสงสารนาง?ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม “พี่อวี๋ ท่านวางใจเถอะ ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร รู้จักแยกแยะ”พระชายาอ๋องติ้งตบหลังมือนาง กล่าวกำชับ“เจ้านี่นะ ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถทำให้เจ้าเจ็ดหลงหัวปักหัวปำ…โอ๊ย ไม่สนใจเจ้าแล้ว เจ้าจะทำอะไรระวังหน่อยก็แล้วกัน นิสัยของพระชายาอ๋องเฟิงโหดเหี้ยมมาก มีแค้นต้องชำระ ไม่ใช่คนดีอะไร”ท่าทางที่กำชับอย่างเอาใจใส่ของนางอ่อนโยนมาก ใจดีมาก ทำให้คนอยากใกล้ชิดนางโดยไม่รู้ตัวบนตัวนางมักจะมีกลิ่นอายเช่นนี้อ่อนโยน สบายๆเพราะตลอดหลายปีมานี้ นางไม่แย่งไม่ชิง ไม่สนใ
กลิ่นหอมสายนี้พิเศษมาก ยิ่งกว่านั้นไม่คุ้นเคย ไม่ใช่กลิ่นจากตัวนางทันใดนั้น นางนึกถึงผู้หญิงเหมียวเจียงที่แต่งตัวต่างถิ่น สามารถเข้าออกห้องหนังสือได้อย่างอิสระคนนั้น…แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลงเล็กน้อย ปล่อยเฟิงเย่เสวียน ถอยหลังสองสามก้าว มองใบหน้าของเขาอย่างคาดคะเนเงียบๆ“เป็นอะไร?”เหมือนเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เอียงศีรษะ ถามนางอย่างไม่เข้าใจคนยังคงเป็นเฟิงเย่เสวียนคนเดิม แต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าโดยไม่รู้ตัวฉู่เชียนหลีดึงสายตากลับ “ช่วงนี้เจ้ายุ่งมาก อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ระวังการพักผ่อน”นางเดินกลับไปที่ข้างโต๊ะ หยิบชามกับตะเกียบขึ้น ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำอาหารมื้อนี้ดำเนินไปอย่างเงียบๆระหว่างนั้น เฟิงเย่เสวียนคีบอาหารให้นางไม่หยุด ปลอกต้นหอมซอย แกะก้างปลาเหมือนเมื่อก่อน รู้รสชาติและความชอบของนางเป็นอย่างดีหลังอาหารเฟิงเย่เสวียนยังมีงาน เขาไปทำงานต่อทั้งที่ยังบาดเจ็บ“ข้าเปลี่ยนยาให้เจ้า?” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเขาหันกลับ “หลายวันนี้เจ้าเป็นห่วงข้า กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ หานอิ๋งเปลี่ยนยาให้ข
พลันสีหน้ากงเจิ้นหงเคร่งขรึมตอนนั้น…ตระกูลเซียว เซียวกุ้ยเฟย…ขุดเรื่องเกือบยี่สิบปีก่อนออกมาพูด ก่อให้เกิดภาพมากมาย ทำให้สีหน้าเขาน่าเกลียดอีกครั้ง“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!”พลันฉู่เชียนหลีหัวเราะ “มันก็จริง ท่าทางที่เป็น ‘ผู้บริสุทธิ์’ ของท่าน ไม่รู้อะไรจริงๆ”“ตอนนั้น ท่านไม่ได้ล่อลวงเซียวกุ้ยเฟย”“ตอนนั้น หลังจากเรื่องถูกเปิดเผย ท่านไม่ได้บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ และไม่ได้ทำให้เซียวกุ้ยเฟย เซียวกุ้ยเฟยเป็นคนชอบท่าน นางขึ้นเตียงท่านอย่างหน้าไม่อาย ทั้งหมดเป็นความผิดของเซียวกุ้ยเฟย”นางกลับคำพูดอย่างจริตจะก้าน ทำให้สีหน้ากงเจิ้นหงยิ่งอยู่ยิ่งแลดูน่าเกลียด“ตอนนี้ ท่านก็ไม่ผิดเช่นกัน ท่านไม่ได้ออกอุบายให้รัชทายาท ไม่ได้สมคบคิดกับรัชทายาท ทั้งหมดเป็นความคิดของรัชทายาท”นางดัดเสียง กล่าวอย่างมีจริต“ปีที่แล้ว เฟิงเย่เสวียนทำสงคราม ท่านไม่ได้ซื้อตัวรองแม่ทัพของเขา ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ตอนปราบโจร ท่านไม่ได้สมคบคิดโจร ทำให้เขาตกหน้าผา และไม่ได้ส่งมือสังหารไปแอบลอบสังหารเขา”“เรื่องโรคระบาดของเมืองตงหนิง ก็ไม่ใช่ท่านยุยงรัชทายาท จงใจแพร่เชื้อโรคระบาด”“เรื่องเหล่านี้ไม่ใ
นี่เป็นโรคฉุกเฉินที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการช่วยเหลือภายในไม่กี่นาที ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาในฐานะที่เป็นหมอ ฉู่เชียนหลีสมควรช่วยชีวิตคนแต่หากนางนำอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในกำไลเฉียนคุนออกมา จะทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ของที่คนโบราณไม่เคยเห็น ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏกลางอากาศ หากนางถูกมองว่าเป็น ‘ปีศาจหญิง’ อะไรล่ะอีกอย่าง กงเจิ้นหงเคยทำเรื่องชั่วๆ ไว้มากมายเช่นนั้น บางทีสมองตายฉับพลันอาจเป็นการลงโทษจากสวรรค์ที่มีต่อเขาในเวลาสั่นๆ สองวินาที ฉู่เชียนหลีปล่อยมือแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนเจ็บไม่ช่วยตั้งแต่เป็นหมอ ในใจกลับไม่มีความรู้สึกผิดใดๆนางลุกขึ้นยืน มองดูกงเจิ้นหงที่กลิ้งไปกลิ้งมา ดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดบนพื้น เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“คงคิดไม่ถึงกระมัง ก่อกรรมทำชั่วมาทั้งชีวิต ยังไม่ทันถูกกฎหมายลงโทษ กลับต้องมาตายเพราะสมองตาย”ไม่มีใครทำร้ายเขานี่ล้วนเป็นกรรมที่เขาสมควรได้รับ“เออ…”กงเจิ้นหงเบิกตากว้าง การแสดงออกบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำจนแทบมีเลือดไหล ใบหน้ากลายเป็นสีม่วง ร่างกายชักกระตุกอย่างรุนแรง อีกไม่นานก็จะไม่ไหวแล้วเมื่อ
ฉู่เชียนหลีได้ยินแล้ว สีหน้าเย็นชาทันทีอะไรคือนางบีบคั้นกงเจิ้นหงตาย? เขาเกิดภาวะสมองตายฉับพลัน เกี่ยวอะไรกับนาง?มองดูหานอิ๋งที่ยื่นแขนออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา และถึงขั้นมีความเป็นปรปักษ์เล็กน้อย นางหัวเราะอย่างเย็นชา“นี่ก็คือท่าทีที่เจ้าคุยกับข้าหรือ?”หานอิ๋งชะงักครู่หนึ่งนายท่านของนางคืออ๋องเฉิน ไม่ใช่ฉู่เชียนหลี นางไม่จำเป็นต้องนอบน้อมถ่อมตนต่อฉู่เชียนหลี แต่มองดูท่าทางที่หัวเราะอย่างเย็นชาของฉู่เชียนหลี ความโค้งที่เย็นเฉียบตรงมุมปาก และสายตาที่ลึกมองไม่เห็นก้นบึ้ง พริบตานั้น เหมือนกับมองเห็นเงาของนายท่าน…นางเหม่อลอยครู่หนึ่ง หลังจากหวนขึ้นสติ ก็รีบเอ่ยปาก“ชีวิตของกงเจิ้นหงเป็นของนายท่าน ท่านลงมือโดยพลการ ทำลายแผนการของนายท่าน! มีเรื่องมากมายที่นายท่านยังไม่ทันได้ทำ มีคำพูดมากมายที่นายท่านยังไม่ทันได้ถาม”“นี่คือความแค้นของนายท่าน ถึงคราวที่ท่านต้องมาช่วยตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรู้สึกขบขันนางไม่ได้แตะแม้แต่เส้นผมของกงเจิ้นหง ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นความผิดของนาง?น่าขำ!“ข้าจะทำอะไร ไปที่ไหน เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” นางถือถุงที่แย่งมาจากมือกงเจิ้นหง ยกเท้าเด
เวลาร่วงเลยไปอย่างเงียบๆ ตามเสียงสายลม…แผ่นหลังเฟิงเย่เสวียนตากลมเย็นอันเปล่าเปลี่ยว ยิ่งแลดูโดดเดี่ยวห่างออกไปหลายเมตรหานอิ๋งยืนอยู่ตรงนั้น มองดูอย่างเงียบๆ ไม่ได้เดินเข้าไป ไม่ได้เอ่ยปาก ไม่ได้รบกวน เฝ้าคุ้มกันเงียบๆไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรเสียงที่แหบแห้งของเขาดังขึ้น “พระชายาล่ะ?”หานอิ๋งชะงักครู่หนึ่ง จึงจะเดินไปข้างหน้าสองก้าว กล่าวตอบเสียงเบา “หลังจากพระชายาออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ”เฟิงเย่เสวียนหลุบตาลงก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา เขามองเห็นกงเจิ้นหงที่ตายแล้ว ความแค้นของตลอดหลายปีพังทลายในพริบตา เขาวิ่งจากไปอย่างเร่งรีบเหมือนสูญเสียแรงสนับสนุนความผิดปกติของเขา บางทีอาจทำให้นางตกใจ“หลังจากพระชายากลับมาบอกข้าด้วย” เขาลุกขึ้นยืน จัดแจงชุดผาวสีหมึกที่ยุ่งเหยิงครู่หนึ่ง ลูบป้ายหลุมศพเซียวกุ้ยเฟยอย่างแผ่วเบา หลังจากมองอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เตรียมตัวจากไปหานอิ๋งเม้มปากเบาๆ อยากพูดแต่ก็ลังเลเรื่องของพระชายา…นางรู้สึกว่าพระชายากับนายท่านไม่ใช่คนโลกเดียวกัน พระชายาไม่สามารถเข้าใจนายท่าน ยิ่ง…ไม่คู่ควรกับนายท่าน
นึกถึงตรงนี้ ความเร่าร้อนของฉู่เชียนหลีมอดดับทันที เหมือนกับโดนน้ำเย็นกะละมังหนึ่งราดใส่ศีรษะ หมดอารมณ์ที่จะทำอะไรแล้ว“ช่างเถอะ”น้ำเสียงเฉยเมย “ไม่จำเป็นต้องมาเสียแรงกายแรงใจกับเรื่องที่ไม่จำเป็นพวกนี้”โยนส้มกลับเข้าไปในถาดผลไม้ พร้อมกับหยิบสมุดบัญชีที่วางอยู่บนโต๊ะ ก้มหน้าก้มตาพลิกดูบรรยากาศภายในห้อง กลับผิดปกติในระหว่างความคลุมเครือ…จางเฟยมองไปทางเฟิ่งหราน เฟิ่งหรานมองไปทางจางขาเป๋ จางขาเป๋มองไปทางจิ่งอี้ ทั้งสี่ใช้สายตาสื่อสารกันอย่างเงียบๆจางเฟย : นี่คุณหนูเป็นอะไร?เฟิ่งหราน : นอกจากเรื่องของผู้ชาย ยังจะเป็นอะไรได้อีก?จางขาเป๋ : หรืออ๋องเฉินรังแกคุณหนู?จิ่งอี้มองดูใบหน้าข้างที่เฉยเมยของนาง ราวกับไม่ใส่ใจอะไรเลย แต่เขารู้ นางกำลังโมโห ยังคงคิดถึงอ๋องเฉินดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันเวลานี้ สำหรับเขาแล้ว มันคือโอกาสที่หายากในการแทรกเข้าไปแต่คำพูดมาถึงปลายลิ้น เขากลับพูดไม่ออกเขาทำไม่ได้…เขาทำเช่นนี้ไม่ได้เม้มปาก กลืนคำพูดกลับเข้าไป เรียบเรียงคำพูดใหม่แล้วกล่าว “คุณหนู การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ คือการทะเลาะกัน เดินเข้าหากัน หยอกล้อกัน ต่างฝ่ายต่างปรับตัวอย่างต่
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท